ก่อนปี 1958 ที่ประกาศใช้ Fomer Presidents Act (FPA) ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยเงินบำนาญ สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้รับสิ่งใดเลย แม้อดีตประธานาธิบดีบางคนอาจร่ำรวยหลังลงจากตำแหน่ง แต่บางคนต้องต่อสู้กับภาระทางการเงินอย่างหนักหน่วง จึงป็นที่มาของการออกกฎหมาย FPA เพื่อรักษาเกียรติภูมิแห่งผู้นำคนสำคัญของโลก โดยประธานาธิบดีคนแรกที่ครบวาระภายใต้กฎหมายนี้คือ ดไวต์ ดี ไอเซนฮาวร์

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตำแหน่ง
รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนตำแหน่งแก่ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี เพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่องรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 เดือน นับจาก 30 วันก่อนหมดวาระ โดยอดีตประธานาธิบดีได้รับการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ไม่เกิน 3,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และรองประธานาธิบดี 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินบำนาญ
เมื่อประธานาธิบดีลงจากตำแหน่งจะได้รับเงินบำนาญในอัตราเท่ากับระดับหัวหน้าผู้บริหารของรัฐบาล โดย ณ มกราคม 2017 มีอัตรา 208,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หากอดีตประธานาธิบดีเสียชีวิต คู่สมรสจะเป็นผู้รับเงินบำนาญในอัตรา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่คู่สมรสต้องสละสิทธิเงินประจำปีหรือเงินบำนาญที่อยู่ภายใต้กฎหมายอื่นแทน
ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้ระบุว่ากรณีประธานาธิบดีลาออกจะได้รับเงินบำนาญหรือสวัสดิการอื่นๆ หรือไม่ แต่อดีตประธานาธิบดีนิกสันที่ลาออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ.1974 ได้รับเงินบำนาญและสวัสดิการอื่นๆ เหมือนอดีตประธานาธิบดีที่หมดวาระตามปกติ และไม่มีตัวอย่างว่าในกรณีที่อดีตประธานาธิบดีที่ลงจากตำแหน่งเพราะถูกฟ้องร้องและพิสูจน์ได้ว่าทำผิดจริงนั้นจะได้รับเงินบำนาญและสวัสดิการหรือไม่
ค่าสำนักงานและเจ้าหน้าที่
รัฐบาลจะจัดหาสำนักงานที่เหมาะสมในสหรัฐฯ แก่อดีตประธานาธิบดี รวมไปถึงการตกแต่งสำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ งบประมาณส่วนนี้ใช้ได้หลังหมดวาระ 6 เดือนไปแล้ว
ส่วนค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่สำนักงานใน 30 เดือนแรกไม่เกิน 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นจะปรับเป็นไม่เกิน 96,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
หากอดีตประธานาธิบดีเสียชีวิต รัฐบาลจะจัดหาเจ้าหน้าที่เพื่อสะสางงานที่ยังไม่เสร็จและปิดสำนักงานภายใน 6 เดือน
ค่าเดินทางท่องเที่ยว
งบประมาณในส่วนนี้เพิ่งจะมีการกำหนดไว้ในกฎหมาย FPA เมื่อปี 1968 โดยรัฐบาลจะจัดสรรให้อดีตประธานาธิบดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 2 คน สำหรับการรักษาความปลอดภัย ค่าเดินทาง และอื่นๆ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอดีตสตรีหมายเลข 1 มีการจัดสรรงบประมาณไว้ที่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
หน่วยรักษาความปลอดภัย
อดีตประธานาธิบดีและคู่สมรสจะได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดชีวิต แต่คู่สมรสจะถูกยกเว้นใน 2 กรณีได้แก่ 1.หย่าขาดจากอดีตประธานาธิบดี 2.แต่งงานใหม่หลังอดีตประธานาธิบดีเสียชีวิต และบุตรจะได้รับการรักษาความปลอดภัยจนมีอายุ 16 ปี
ในปี 2015 มีการแก้ไขกฎหมายให้มีการรักษาความปลอดภัยเพียง 10 ปี สำหรับอดีตประธานาธิบดีและคู่สมรสที่ดำรงตำแหน่งหลังวันที่ 1 มกราคม 1997 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2013 นายบารัค โอบามา ได้แก้ไขกฎหมายใหม่อีกครั้งให้เป็นตลอดชีวิตเช่นเดิม
สิทธิรักษาพยาบาล
แม้ไม่มีระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเกี่ยวกับสิทธิรักษาพยาบาลของอดีตประธานาธิบดี แต่โดยปกติอดีตประธานาธิบดีและครอบครัวมีสิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทหาร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานครบ 5 ปี สามารถสมัครเข้ารับสิทธิรักษาพยาบาลของรัฐได้ แม้ว่าวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมีเพียง 4 ปี แต่หากดำรงตำแหน่ง 2 สมัยหรือดำรงตำแหน่งอื่นในรัฐบาลหลังหมดวาระ อดีตประธานาธิบดีก็สามารถสมัครเข้ารับสิทธิรักษาพยาบาลดังกล่าวได้เช่นกัน
งานศพ
เมื่ออดีตประธานาธิบดีเสียชีวิตจะมีการจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ โดยประธานาธิบดีคนปัจจุบันมีหน้าที่ประกาศการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และสั่งให้ลดธงลงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน โดยพิธีศพจะจัดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศเดียวที่จัดสรรเงินบำนาญและสวัสดิการให้กับอดีตผู้นำรัฐบาล เช่น ประเทศแคนาดามีการจ่ายเงินบำนาญให้อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2012 ในอัตราประมาณ 3% ของเงินเดือนคูณกับจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง เป็นต้น