วันนี้ (18 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากตัวแทนผู้ค้าแผงลอยจาก 50 เขต ได้เข้าพบหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กรณีการจัดการพื้นที่ค้าขายบนทางเท้า โดยผู้ค้าได้เรียกร้องให้ยกเลิกจุดผ่อนผัน และหาแนวทางการช่วยเหลือผู้ค้าให้ค้าขายอย่างถูกกฎหมาย โดยกลุ่มตัวแทนผู้ค้าให้ข้อมูลว่าการจัดระเบียบทางเท้า และจัดหาพื้นที่ค้าให้ใหม่ ไม่สามารถค้าขายได้เหมือนเดิม ขณะที่บางจุดแม้เป็นพื้นที่จัดระเบียบไปแล้ว แต่พบว่ายังสามารถขายได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีการเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่เทศกิจในพื้นที่หรือไม่
นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีการจัดระเบียบพื้นที่ค้าขายบนทางเท้าที่พบว่าบางจุดยังสามารถค้าขายได้ว่า กทม.จะต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคนในพื้นที่ กทม. ซึ่งอยากให้ผู้ค้าเห็นใจ กทม.ว่าในแง่ข้อบังคับของกฎหมายไม่สามารถกระทำได้ ส่วนกรณีการยกเว้นและจัดให้มีพื้นที่สตรีทฟู้ดในย่านถนนข้าวสารและเยาวราช ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับสิทธิพิเศษ เป็นโครงการทดลอง ซึ่ง กทม.ก็ต้องจัดระเบียบไปตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.รับฟังข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้ค้า โดยจะนำข้อคิดเห็นและรายละเอียดทั้งหมดไปพิจารณาและประชุมอีกครั้ง เบื้องต้น ได้ออกคำสั่งให้สำนักงานเขต ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยมีหลายฝ่ายเข้าร่วม เช่น กลุ่มผู้ค้า ผู้ใช้ทางเท้า ผู้อำนวยเขต สน.พื้นที่ กระทรวงพาณิชย์ และสื่อมวลชน โดยระหว่างตั้งคณะกรรมการจะไม่อนุญาตให้มีการค้าขายบนทางเท้าที่จัดระเบียบไปแล้ว
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากกรณีที่เว็บไซต์แห่งหนึ่งเผยแพร่ข้อมูลว่า โดยอ้างบทความของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดระเบียบอาหารริมทางในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่าอาจจะส่งผลต่อวัฒนธรรมอาหารริมทาง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ รัฐบาลและกระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เห็นว่าการจัดระเบียบทางเท้าและแผงลอยเป็นสิ่งจำเป็น โดยหลังจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีมาตรการในระยะเร่งด่วน ในการหารือกับ กทม. เพื่อกำหนดแนวทางในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถึงแนวนโยบายของการจัดระเบียบ
ทั้งนี้ รวมถึงจะหารือแนวทางการจัดกิจกรรมสตรีทฟู้ด อย่างบูรณาการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพราะเป็นวัฒนธรรมการทานอาหารของไทย ซึ่งเป็นเสน่ห์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเป็นการกระจายรายได้ให้คนไทยที่เป็นรายย่อยและเป็นเจ้าของกิจการ เบื้องต้น มีพื้นที่ทดลองดำเนินการ 2 แห่ง คือถนนเยาวราช และถนนข้าวสาร ซึ่งวันนี้จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการที่ถนนข้าวสาร หลังจากวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมที่ถนนเยาวราช