วันนี้ (29 ธ.ค.2560) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกว่าด้วย ป.ป.ช. จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คาดว่าไม่น่าใช้เวลานาน ซึ่งจะพิจารณาว่ามีการส่งคำโต้แย้งในประเด็นใด เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ในการทบทวนร่างกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรา 37/1 ประเด็นการเพิ่มอำนาจให้กรรมการ ป.ป.ช. สามารถเจาะข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ โทรสาร หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ของผู้ถูกกล่าวหาในคดีทุจริตต่อหน้าที่ หรือร่ำรวยผิดปกติได้ โดยจะต้องขออนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบก่อน ซึ่งเป็นบทบัญญัติใหม่ที่กรรมาธิการฯ บัญญัติเพิ่ม แต่สมาชิก สนช. ส่วนหนึ่งไม่สนับสนุน เบื้องต้นจากที่พูดคุยกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีประเด็นใดที่จะโต้แย้ง และไม่ติดใจเนื้อหาที่คณะกรรมาธิการยอมถอนออกจากร่างกฎหมาย เพราะถือว่าได้พยายามชี้แจงให้สมาชิก สนช. และประชาชนได้เข้าใจถึงความจำเป็นและกลไกที่ใช้ในการตรวจสอบ แต่เมื่อ สนช. ยังไม่มีความมั่นใจ ประกอบกับขณะนี้อยู่ในการพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไปที่จะช่วยให้ ป.ป.ช. ทำงานง่ายขึ้น ก็ต้องรอ สนช. พิจารณา
"การเสนอมาตรการดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินสิทธิและเสรีภาพของใคร เพราะการทำงานมีกลไกตรวจสอบอยู่แล้ว แต่เมื่อวันนี้สภายังไม่พร้อมก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่อย่างน้อยถือว่าได้ชี้แจงต่อสังคมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ปกปิด" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รายงานในที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งหนังสือชี้แจงกรณีที่มาของแหวนเพชรและนาฬิกาหรูมายัง ป.ป.ช. แล้ว คาดว่าจะสามารถตรวจสอบได้หลังช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะติดวันหยุดยาว ซึ่งในคำชี้แจงได้อ้างถึงบุคคลที่ 3 แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด รวมถึงข้อมูลนาฬิกาหรูและแหวนเพชรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กรณีบุคคลที่ถูกอ้างถึงเสียชีวิตไปแล้วจะกระทบต่อการตรวจสอบหรือไม่นั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและขออย่าคาดเดาไปก่อน
สำหรับกรณีดังกล่าว ถือเป็นการตรวจสอบการมีอยู่จริงของบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งเป็นกรณีปกติ ไม่จำเป็นจะต้องตั้งผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในระเบียบไม่ได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบ แต่เมื่อเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีนี้ พล.อ.ประวิตร จะเข้าข่ายการปกปิดทรัพย์สินและกรณีร่ำรวยผิดปกติหนหรือไม่นั้น เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ถูกยื่นเข้ามาอยู่แล้ว ส่วนคำร้องเรียนเป็นเพียงข้อมูลนำมาประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ขอให้สังคมมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช. ที่จะต้องซื่อสัตย์ เป็นธรรม มืออาชีพ