จากกรณีเที่ยวบินทีจี 971 บินจากจากเมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดปัญหาล่าช้านาน 2 ชั่วโมง ซึ่งเกิดจากปัญหาการจัดสรรที่นั่งให้กับนักบิน จนนำมาสู่ข้อร้องเรียนจากผู้โดยสาร และภายหลังผู้บริหารการบินไทยได้ออกหนังสือขอโทษ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันนี้ (22 ต.ค.61) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน เปิดเผยว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นและจะใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างองค์กร แต่ในระยะเร่งด่วนต้องมีผู้รับผิดชอบ เบื้องต้นหลังประชุมแบบไม่เป็นทางการร่วมกับกรรมการ และนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย เพื่อรับฟังรายงานข้อมูลข้อเท็จจริง และสั่งให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตามกฎระเบียบรัฐวิสาหกิจ โดยให้ความสำคัญกับลูกค้า เนื่องจากงานของการบินไทย คือการให้บริการ
ส่วนแผนระยะยาว ยืนยันว่า แม้จะมีแผนฟื้นฟูเป็นแผนแม่บทอยู่แล้ว แต่ต้องใช้โอกาสนี้ปรับรื้อใหญ่โครงสร้างสายงาน โดยเฉพาะการปรับปรุงด้านบริการ ต่อไปนี้ให้ถือว่าลูกค้า คือหัวใจ แม้จะเป็นเรื่องยากและอาจมีแรงต่อต้าน แต่คิดว่าจำเป็นต้องทำเพื่ออนาคตของพนักงานและองค์กรการบินไทย
ด้านประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทย เรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินล่าช้ากว่ากำหนดว่ามาจากนักบินจริงหรือไม่ โดยเห็นว่านักบินควรคำนึงถึงผลประโยชน์ขององค์กรและผู้โดยสารก่อนตนเอง ต้องไม่ลืมว่าการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจที่ยังต้องแสวงผลกำไร และกำไรมาจากการใช้บริการของประชาชน หากมองตามกฎของบริษัทแล้ว อ้างว่าไม่ได้ทำผิดกฎก็จริง แต่หากมองในแง่ของสังคมเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และคณะนักบินเดินทางกลับมาโดยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เพียงนั่งกลับมาเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆ ไม่ได้ผลัดเปลี่ยนในการบิน หลังจากนี้การบินไทยควรหามาตรการป้องกันหรือบทลงโทษหากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรมากเกินไปกว่านี้
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น มีรายงานว่า นอกจากนักบินจะไม่แสดงความรับผิดชอบว่ามีส่วนกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ยังมีการรวมตัวเพื่อเตรียมขอปรับเพิ่มสวัสดิการและเงินเดือนด้วย เนื่องจากผลการเจรจาก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ การต่อรองไม่เป็นไปตามที่นักบินต้องการ สำหรับการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน 7 วัน
มีรายงานว่า นายสถานีบนภาคพื้นและนักบินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย อาจต้องรับผิดชอบ โดยการพิจารณาจะยึดตามระเบียบของบริษัท ความเสียหายองค์กรและลูกค้ามาพิจารณาประกอบกัน
ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการนำเที่ยวไทยค่อนข้างวิตกกังวลถึงผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของการบินไทย และประเทศไทย โดยในวันนี้ (22 ต.ค.) แอตต้าจะแถลงท่าทีเพื่อสะท้อนไปถึงการบินไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำ