เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เพียงวันเดียว เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้รับแจ้งจากประชาชนหลายพื้นที่ว่าพบเต่าทะเลเกยตื้น จึงเข้าช่วยเหลือและนำเต่าทะเลที่พบทั้งหมดกลับไปที่ศูนย์วิจัยฯ เพื่อตรวจสุขภาพ รักษาบาดแผลและพักฟื้นต่อไป
โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ได้รับแจ้งว่า พบเต่าทะเลเกยตื้นมีชีวิตอยู่บริเวณ ม.2 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยติดเศษอวนประมงเก่า ตรวจสอบพบเป็น "เต่าตะนุ" ไม่สามารถระบุเพศได้ ขนาดความยาวกระดอง 34.5 ซม. ความกว้าง 32.5 ซม. น้ำหนัก 4.5 กก. เต่ามีสภาพแข็งแรง โคนขาหน้าด้านขวามีรอยแดงช้ำ สันนิษฐานสาเหตุการเกยตื้นน่าจะเกิดจากเป็นช่วงมรสุม มีคลื่นลมแรงและคลื่นสูง ทำให้เต่าอ่อนแรง จึงเกาะเศษอวนมาและเกิดการพันรัด
จากนั้นได้รับแจ้งอีกว่าพบ "เต่าตะนุ" เกยตื้นมีชีวิตอยู่บริเวณ ม.5 ต.สนามชัย อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยติดอวนประมงเก่า ไม่สามารถระบุเพศได้ ขนาดความยาวกระดอง 30 ซม. ความกว้าง 29 ซม. น้ำหนัก 2.5 กก. เต่ามีสภาพอ่อนแรง ขาหน้าด้านขวาผิดรูปเล็กน้อย ขับถ่ายออกมาเป็นเศษเชือก และพบเศษเชือกติดอยู่ที่ก้น สันนิษฐานสาเหตุการเกยตื้นน่าจะเกิดจากเป็นช่วงมรสุม มีคลื่นลมแรงและคลื่นสูง เต่าจึงเกาะมากับเศษอวนและทำให้เกิดการพันรัด ซึ่งเต่าอาจจะพยายามกัดเชือกอวนออก แล้วกินบางส่วนเข้าไป หรือแหล่งอาหารของเต่ามีเศษขยะเหล่านี้ปะปนอยู่ จึงทำให้เต่ากินเข้าไปได้
วันเดียวกัน ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ก็ได้รับแจ้งว่าพบ "เต่ากระ" ซึ่งมีชีวิตอยู่ ติดขยะเศษอวนเกยตื้นหาดเกาะทัง ม.7 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรวจสอบขนาดกระดองกว้าง 36.5 ซม. ยาว 38.5 ซม. น้ำหนัก 5.5 กก. อายุประมาณ 3-4 ปี ไม่พบไมโครชิพ สภาพร่างกายแข็งแรง พบแผลโดนรัดบริเวณขาหน้าลึกถึงชั้นผิวหนังทั้ง 2 ข้าง เป็นแผลที่ใกล้สมาน มีอาการขาดน้ำ
นอกจากนี้ยังพบเต่าทะเลมีชีวิตเกยตื้น 2 ตัว บริเวณหาดบ่อคนที ม.9 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรวจสอบพบว่าเป็น "เต่าตนุ" ขนาดกระดองกว้าง 34.5 ยาว 36 ซม. น้ำหนัก 5.1 กก. อายุประมาณ 2-3 ปี ไม่พบไมโครชิพ สภาพร่างกายแข็งแรง พบรอยรัดบริเวณข้อพับขาหน้าด้านขวาลึกถึงกล้ามเนื้อ และรอยรัดบริเวณรอบคอ ส่วนอีกตัวเป็น "เต่ากระ" ขนาดกระดองกว้าง 17.5 ซม. ยาว 20 ซม. น้ำหนัก 0.7 กก. อายุประมาณ 1 ปี ไม่พบไมโครชิพ สภาพร่างกายแข็งแรง ไม่พบบาดแผล
และอีกหนึ่งตัวที่พบเกยตื้นเป็น "เต่าตะนุ" ติดขยะเศษอวน เกยตื้นบริเวณหน้าหาดเกาะฝ้าย ม.7 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรวจสอบขนาดกระดองกว้าง 32.5 ซม. ยาว 34 ซม. น้ำหนัก 4.7 กก. อายุประมาณ 2-3 ปี ไม่พบไมโครชิพ สภาพร่างกายแข็งแรง พบแผลถูกรัดบริเวณขาหน้าด้านซ้ายเล็กน้อย แผลสมานตัวแล้ว และพบคราบน้ำมันในปาก
"ธรณ์" ชี้ 2 วัน เต่าเกยตื้น 13 ตัว
ขณะที่ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ระบุว่า การรายงานสัตว์ทะเลเกยตื้นของกรม ทช.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีตัวเลขสูงขึ้นเรื่อยๆ แค่เสาร์อาทิตย์ (7-8 ธ.ค.) มีเต่าเกยตื้น 13 ตัว และเกือบทั้งหมดเป็นเพราะขยะทะเล โดยได้สรุปชนิด ความยาวและสถานที่ ไว้ดังนี้
วันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.62
1. ตนุ 40 เซน สทิงพระ, 2. ตนุ 30 เซน ระโนด, 3. ตนุ 36 เซน ระโนด, 4. ตนุ 27 เซน สทิงพระ, 5. ตนุ 38 เซน สิงหนคร
วันอาทิตย์ที่ 8 ธ.ค.62
6. ตนุ 5 เซน ปัตตานี (ไม่มีรอยขยะ), 7. ตนุ 34 เซน สิชล, 8. กระ 30 เซน สิชล, 9. ตนุ 30.5 เซน ปากพนัง, 10. ตนุ 30 เซน ปากพนัง, 11. ตนุ 36 เซน หัวไทร, 12. ตนุ 42 เซน ท่าศาลา (ตาย ขยะในท้อง), 13. ไม่รายงานชนิด 28 เซน สงขลา (ตาย ขยะในท้อง)
ผศ.ดร.ธรณ์ ยังระบุอีกว่า จากรายงานของกรม ทช. ที่เผยแพร่พร้อมภาพถ่าย และระบุสถานที่ที่พบชัดเจน ในเวลาเพียง 2 วัน มีเต่าเกยตื้น 13 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่มาก และส่วนใหญ่ล้วนติดขยะทะเลหรือมีรอยบาดแผล ขณะที่เต่าที่ตายทั้ง 2 ตัว มีเศษขยะในท้อง โดยเต่าเกือบทั้งหมดอยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ ไม่ใช่เป็นเต่าแก่ชราที่จะสู้แรงคลื่นไม่ไหวจนโดนพัดสู่ฝั่ง แต่ติดขยะลอยอยู่กลางทะเล กำลังทยอยโดนคลื่นพัดเข้ามา จึงขอให้ทุกคนตระหนักและพยายามลดขยะในทุกทาง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเล