บางแห่งมีหมายศาลประกาศอายัดทรัพย์ติดไว้หน้าโรงแรม จึงมีเพียงร้านค้าเพียงบางแห่ง รวมถึงแม่ค้าขาจรเท่านั้นที่ยังคงเปิดให้บริการ
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการธุรกิจที่พักบูติก หรือโรงแรมขนาดเล็ก สะท้อนปัญหาจากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 แม้ภาครัฐจะบอกให้ผู้ประกอบการปรับตัว จัดโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่สภาพความเป็นจริงของย่านป่าตอง วางไว้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับรองรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่ต้น
“ป่าตอง” จึงไม่ใช่จุดหมายของกลุ่มคนไทย ส่วนใหญ่มักมาเที่ยวชมชายหาดและเข้าพักในพื้นที่อื่น
ประกอบกับไม่สามารถเข้าถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลได้ เพราะติดข้อจำกัดเรื่องใบอนุญาต ขณะที่โครงการกำลังใจที่จัดให้กลุ่มบุคลากรทางสาธารณสุขได้เที่ยว
แต่ส่วนใหญ่เกสเฮาส์ หรือโรงแรมขนาดเล็ก จะมีร้านอาหารและที่พักในจำนวนจำกัด จึงไม่สามารถตอบสนองลูกค้า ที่มาเป็นกลุ่มได้เหมือนโรงแรมขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการที่พักบูติกย่านป่าตองจึงเลือกจำศีลปิดกิจการชั่วคราว
ตอนนี้เราขอจำศีล รอ 90 % ของเรากลับมา เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า เราอยู่ได้เพราะ 90 % เพราะชาวต่างชาติ ถ้าขยับไปทำอย่างอื่น ไปลงทุนหรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างต้องใช้เงินทุน
พิมพิศาภรณ์ เตชะอุปถัมภ์กุล ผู้ประกอบการที่พักบูติกย่านป่าตอง จ.ภูเก็ต ระบุว่า หากเราปรับ เปลี่ยน แต่ถามว่าคนอื่นๆ จะปรับ เปลี่ยน กลับมาเปิดได้เหมือนเราไหม ตอนนี้ยังไม่ได้ แล้วบรรยากาศแบบนี้ ถามว่ามีใครอยากจะมาเที่ยว ร้านค้าปิดกันหมด คนไทยจะอยากมาเที่ยวไหม
ด้านประธานชมรมที่พักบูติกภูเก็ต ให้ข้อมูลสมาชิกในชมรมว่า จากทั้งหมด 400 แห่ง ทยอยปิดตัวจนเหลือเพียง 100 แห่ง แต่ละแห่งมีนักท่องเที่ยวเพียงร้อยละ10 ของจำนวนห้องพัก และยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะในเดือนตุลาคมนี้จะต้องกลับมาชำระหนี้ธนาคารตามปกติ จึงเรียกร้องให้มีการชะลอการชำระหนี้ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ที่ผ่านมาเราพยายามช่วยเหลือ ประคับประคองตัวเองมาตลอด เงินทุนสำรองที่มีก็ใช้ไปจนหมดแล้วครับ ตอนนี้จึงต้องขอให้รัฐช่วยเหลือเรื่องการชำระหนี้เงินกู้ เพราะเดือนตุลาคมนี้จะต้องกลับมาจ่ายตามปกติ ขอแบบนี้ได้ไหม ขอให้ผ่อนผันการชำระหนี้ทั้งต้น ทั้งดอกเบี้ยออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือจนกว่าจะมีวัคซีน
มโนสิทธิ์ แจ้งจบ นายกสมาคมที่พักบูติกจ.ภูเก็ต กล่าว
นอกจากนี้ยังเสนอให้กลุ่มที่พักบูติกหรือโรงแรมขนาดเล็ก มีโอกาสเข้าถึงมาตรการของรัฐ ปลดล็อคกฎเกณฑ์บางอย่าง เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อได้ โดยขอให้ลดเกณฑ์ของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการของรัฐ ให้โรงแรมขนาดเล็กหรือที่พักบูติด ที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการตามคำสั่งมาตรา 44 ที่เคยมีการสำรวจไว้ก่อนหน้านี้ได้เข้าร่วมโครงการด้วย
พวกเขาระบุว่า ที่ผ่านมาพยายามช่วยเหลือตัวเองปรับตัวอยู่รอดให้ได้นานที่สุด แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อและนานไปกว่านี้ และยังไม่มีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือ เชื่อว่าธุรกิจที่พักขนาดเล็กในจังหวัดภูเก็ต จะต้องทยอยปิดตัวลงอีกไม่น้อย และอาจจะต้องปิดตัวลงก่อนที่จะหมดอายุใบอนุญาตตามมาตรา 44 ที่กำหนดไว้ในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ด้วยซ้ำ
ภัสรา จิกคำ รายงาน
สมโภชน์ ธีระกุล ถ่ายภาพ
ศูนย์ข่าวภาคใต้ ไทยพีบีเอส
แท็กที่เกี่ยวข้อง: