ภายหลัง ครม.มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ เรื่องการแก้ไขปัญหาด้านมลพิษเรื่องฝุ่นละออง และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง (อ่านเพิ่มเติม : กางแผน "แก้ฝุ่น" ปีนี้มีอะไรใหม่)
วันนี้ (24 พ.ย.2563) "ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทย" ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ ถึงมุมมองแผนปฏิบัติการและแผนเฉพาะกิจว่า การตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองถือว่าเป็นสัญญาณดีของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GouTyOVRF8JrRggjw0EkWWHpwd.png)
หากมองจากแผนปฏิบัติการจะพบว่า มีการปรับแผนเพื่อเฝ้าระวังจุดเสี่ยง ปรับการจัดจราจร รวมถึงมีแอปพลิเคชันแจ้งค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อจัดระเบียบต้นกำเนิดฝุ่น การพยากรณ์ฝุ่นล่วงหน้า 3 วัน โดยการนับบิ๊กดาต้ามาใช้แจ้งเตือนประชาชน และเป็นเครื่องมือให้ภาครัฐได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นก่อนการแจ้งปิดโรงเรียน หรือสั่ง Work from Home ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งภาพรวมถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของรัฐบาลที่ไม่ได้มองว่าปัญหาฝุ่นเป็นเพียงมลพิษ แต่ยังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขด้วย
หนุนปรับมาตรฐานฝุ่น รากเหง้าปัญหามลพิษ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับแผน แต่รากเหง้าของปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังไม่ได้ถูกจับต้อง โดยเฉพาะค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ควรปรับให้เทียบเท่ากับมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 มาตรฐาน 1 วัน อยู่ที่ 50 มคก.ต่อ ลบ.ม. แต่ค่าเฉลี่ยของ WHO อยู่ที่ 25 มคก.ต่อลบ.ม. ส่วนค่าเฉลี่ยมาตรฐาน 1 ปี ไทยอยู่ที่ 25 มคก.ต่อลบ.ม. ขณะที่ WHO กำหนดไว้ที่ 10 มคก.ต่อ ลบ.ม.
การแก้ไขปัญหาฝุ่นควรจัดลำดับความสำคัญ โดยเฉพาะรากเหง้าปัญหาคือ การปรับค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ให้เทียบเท่ากับมาตรฐาน WHO รวมถึงไม่มีการกำหนดมาตรฐานปลายปล่องรถยนต์ อุตสาหกรรม หรือโรงงานต่างๆ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GouTyOVRF8JrRjnw0eISfmOCC6.jpg)
อย่างไรก็ตาม ในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติระยะยาว มีการกำหนดปรับมาตรฐานฝุ่น PM2.5 ในปี 2567 ซึ่งผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทย ฟันธงว่า เป็นไปได้ยากที่จะปรับได้ตามแผน ด้วยเจตจำนงทางการเมือง ที่เปลี่ยนรัฐมนตรี และอธิบดีมาแล้วหลายสมัยก็ยังไม่มีการปรับแก้ เพราะผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 แลกกับประโยชน์สาธารณสุขของคนทั่วประเทศ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GouTyOVRF8JrRggjw0EkWWHpwd.png)
รัฐมนตรีเข้ามาก็ไม่ทำ อธิบดีก็ไปทำอย่างอื่น เพราะการมาแตะตรงนี้ เท่ากับไปแตะผลประโยชน์ภาคอุตสาหกรรม แต่ถ้าเทียบกันสิ่งที่เสียไปจากการช่วยลดมลพิษจากแหล่งกำเนิด กับผลประโยชน์ที่ได้คนสุขภาพดีมันต่างกันเป็นร้อยเป็นพันเท่า
คาดรัฐลดฮอตสปอต 20% ได้ตามเป้า
นายธารา ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ที่จะลดฝุ่น PM 2.5 รวมถึงลดจุดฮอตสปอตลงให้ได้ 20% โดยระบุว่า อาจเป็นไปได้ตามแผน แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือมลพิษจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งระดับอาเซียน ระดับทวิภาคี และระดับพื้นที่ชายแดนแล้วถือเป็นอีกความก้าวหน้าของรัฐบาลด้วย
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GouTyOVRF8JrRnITOk4NZ8zDTR.jpg)
ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการฯ ยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงาน โดยรัฐกำลังสร้างให้ประชาชนเป็นเพียงคนรับคำสั่ง แล้วปฏิบัติตาม ทั้งที่ภาคประชาชนจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดฝุ่น PM2.5 จึงหวังจะเห็นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมากขึ้นในอนาคต