วันนี้ (10 ก.ย.2564) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงสนะรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ3 วันนี้(10ก.ย.) ว่า จะเป็นตัวยืนยันเสถียรภาพของรัฐบาล ถ้ารัฐสภาไม่เห็นชอบจะเป็นปัญหาต่อองคาพยพอื่นทางการเมือง อยากเห็นถึงความตั้งใจของรัฐสภาในการแก้ปัญหา ไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นซึ่งจากการประสานเบื้องต้นยังคงมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกจะสนับสนุนเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไป
นายชินวรณ์ ย้ำแม้จะมีสถานการณ์การเมืองที่ผันผวน แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 2 มาแล้ว ก็หวังว่า จะผ่านวาระ 3 เนื่องจากได้แก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกข้อกังวลเรื่องร่างไม่เป็นไปตามหลักการออกทั้งหมด ปลดล็อกการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และไม่ได้กีดกันที่เป็นข้อจำกัดของพรรคเล็ก ทั้งนี้ การใช้บัตร 2 ใบ ก็เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
สำหรับเสียง ส.ว. ที่ต้องใช้ 84 เสียงเพื่อผ่านความเห็นชอบ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เมื่อลงมติผ่านวาระ 2 มาแล้ว ก็ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะเปลี่ยนแปลง หากมีการเปลี่ยนแปลงก็คงเป็นผลจากการผันผวนทางการเมือง
ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะงดออกเสียงเป็นสิทธิของแต่ละพรรค และต้องตอบคำถามเอง ขณะที่หากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดภายหลัง เป็นความรับผิดชอบของพรรคที่ยื่น ซึ่งเป็นการต้องการตีความหรือตีรวนเพื่อผลประโยชน์พรรคต้องพิสูจน์กันต่อไป
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ส.ว.โหวตผ่านวาระ 2 มาแล้ว วาระ 3 จะเปลี่ยนใจได้อย่างไร
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรค แถลงย้ำจุดยืนพรรคขอโหวต "งดออกเสียง" ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ และชี้แจงเหตุผลว่า พรรคเห็นด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ชี้ว่า การคำนวณบัญชีรายชื่อสยังไม่โปร่งใสเป็นธรรม ตามความหวังของพรรคก้าวไกล
หากท้ายที่สุดแล้วรัฐสภาโหวตผ่านร่างดังกล่าว นายพิธายืนยันไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด พรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ทุกสนาม ทุกกติกา และย้ำว่า พรรคก้าวไกลไม่มีความคิดที่จะรวบรวมรายชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหากร่างกฎหมายนี้ผ่านวาระ 3
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยมองว่าเป็นปัญหาเสถียรภาพภายในพรรคพลังประชารัฐเอง และประเมินว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อการบริหารประเทศด้วย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศ มากกว่าปัญหาการเมืองภายในพรรค