ระยะเวลาไม่ถึงเดือนที่ผ่านมานี้ มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นกับธุรกิจบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ของจีนมากมาย ที่ทำให้ทั่วโลกมองว่า รัฐบาลจีนเริ่มยื่นมือเข้ามาควบคุมชีวิตของประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ ทางการจีนจำกัดเวลาเล่นเกม ควบคุมการเรียนพิเศษ และห้ามดารานักร้องชาย แต่งหน้าแต่งตัวคล้ายผู้หญิงต่าง ๆ ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางการจีน สั่งถอดการ์ตูนชื่อดังออกจากบริการสตรีมมิ่งหลายเจ้า จนทำให้เกิดกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์
การ์ตูนเรื่องที่ถูกสั่งถอดคือ "อุลตร้าแมน ทีกา" การ์ตูนญี่ปุ่นอันโด่งดัง ซึ่งออกฉายทางโทรทัศน์มานานหลายปีแล้ว จนปัจจุบันย้ายไปอยู่บนบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ให้ผู้ชมเปิดดูได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ
แม้ว่าผู้ชมของการ์ตูนอุลตร้าแมนส่วนมากจะมองว่า การ์ตูนเรื่องนี้ทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องมนุษยธรรมและความยุติธรรม รวมถึงยังแฝงคติเรื่องธรรมะชนะอธรรม แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ทางการจีนคิด
"อุลตร้าแมน ทีกา" ถูกห้ามฉายเพราะทางการจีนให้เหตุผลว่า การ์ตูนเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรง ทั้งฉากต่อสู้ ฉากระเบิดต่าง ๆ ซึ่งการถอดการ์ตูนเรื่องนี้ เกิดขึ้นทันทีที่สำนักงานบริหารกิจการวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน ประกาศแบนการ์ตูนและรายการเด็กที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรุนแรง เลือด การใช้ภาษาหยาบคาย และภาพลามกอนาจาร
แม้ทางการจีนจะยืนยันว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนของชาติเติบโตอย่างสร้างสรรค์ แต่ชาวเน็ตจีนนับล้านคน ยังคงงุนงงผสมกับไม่พอใจ เพราะมองว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีมานาน สอนให้รู้จักถูกผิด และเป็นความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กของพวกเขา
แต่นี่ก็ไม่ใช่การ์ตูนเรื่องเดียวที่ถูกแบน ทั้งที่ดู ๆ ไปแล้ว ไม่มีพิษมีภัยและน่าจะส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ย้อนไปเมื่อเดือน เม.ย. ทางการมณฑลเจียงซู ออกประกาศรายชื่อการ์ตูนและละครทีวี ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก ซึ่งในรายชื่อนั้นมีการ์ตูนดัง อย่าง Peppa Pig ,My Little Pony และยอดนักสืบจิ๋วโคนัน รวมอยู่ด้วย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ สอดคล้องกับการจัดอบรมหลักสูตรพิเศษสำหรับผู้ผลิตสื่อบันเทิงและสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ โดยสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์เทศบาลปักกิ่ง เพื่อให้แนวทางในการผลิตเนื้อหาสื่อในเชิงบวก ส่งเสริมค่านิยมที่ถูกที่ควร
สิ่งที่ผู้ผลิตสื่อควรกระทำในสายตาของรัฐบาลจีน คือ การส่งเสริมความรักในแผ่นดินเกิดและจิตวิญญาณความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ และหลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพความฟุ้งเฟ้อต่าง ๆ ซึ่งสนับสนุนคติวัตถุนิยม ซึ่งอาจชักจูงให้เห็นความสำคัญของวัตถุมากกว่าคุณงามความดี นอกจากนี้และยังขอให้ผู้ผลิตสื่อ เลี่ยงการผลิตสื่อบันเทิงโดยใช้รูปแบบของรายการจากต่างประเทศ ซึ่งแนวทางทั้งหมดที่ว่ามานี้ ใช้สำหรับทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
ทั้งนี้ จีนยังมีแผนทำช่องทางสื่อสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่รัฐบาลเห็นควรเหล่านี้ด้วย ซึ่งก็ไม่วายเผชิญเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า ถ้าจะแบนกันจริง ๆ แล้ว อาจจะต้องย้อนไปแบนตั้งแต่วรรณกรรมอมตะ 4 เรื่องของจีน เช่น สามก๊ก ไซอิ๋ว เพราะก็มีเนื้อหาการต่อสู้และความรุนแรงไม่ต่างกัน
ที่มา : CNN, The Global Times