วันนี้ (10 พ.ย.2564) มีรายงานว่า เวลา 14.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านกลางเมือง เดอะปารีส กรุงเทพ-กรีฑา ซ.7 แยก10 ว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว และมีเสียงดังคล้ายเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายครั้ง
ภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู
ภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
1.นายธวัชชัย ทองอ่อน หรือ สจ.ดำ เมืองคอน เจ้าของร้านเสบียงทิพย์ หลัง ม.รามคำแหง
2.ภรรยา
3.ลูกสาวคนโต
4.ลูกสาวคนเล็ก
เวลา 18.15 น. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น. 4 เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจรับแจ้งได้เดินทางมาตรวจสอบทันที พบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายธวัชชัย หรือ อดีต ส.จ.นครศรีธรรมราช
เบื้องต้นพบ มีการใช้งานอาวุธปืนทั้งสิ้น 3 กระบอก เป็นปืนสั้น 2 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก ส่วนสาเหตุคาดว่า เป็นปัญหาที่สะสมมาในครอบครัว จนเกิดเป็นความเครียด ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสอบสวน
ส่วนกรณีว่าเกิดจากปัญหาหนี้สินหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ พบว่าผู้ก่อเหตุคือ ตัวผู้ชาย พบอาวุธปืนอยู่ในมือ ซึ่งปืนทั้งหมดจะต้องนำไปตรวจสอบอีกครั้งว่ามีทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และจะสืบสวนพยาน รวมถึง นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ระบุว่า เดินทางมาตกลงเรื่องปัญหาหนี้สินนั้น
หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการเรียกตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนญาติผู้ตายที่เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุขณะนี้ ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ จึงยังไม่สามารถให้การกับทางเจ้าหน้าที่ได้ โดยทางตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ต้องรวบรวมหลักฐานให้ครบทุกด้าน ก่อนจะสรุปสาเหตุครั้งนี้ต่อไป
ภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู
ภาพ : มูลนิธิร่วมกตัญญู
สำหรับ สจ.ดำ เมืองคอน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2562 เคยถูกกองปราบปราม นำหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ.226/2562 เข้าจับกุมในข้อหาคดีเช็คเด้ง หลังชักชวนผู้เสียหายรายหนึ่งมาร่วมทุนทำธุรกิจด้วยกัน
โดยอ้างว่าบริษัทของตนเอง ชนะการประมูลรับเหมา จัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ) ที่จะนำไปแจกจ่ายตามโรงเรียนต่าง ๆ กว่า 2,500 โรงเรียน วงเงิน 250 ล้านบาท
ซึ่งนายธวัชชัย ยังอ้างว่าตนเองสามารถจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารได้ในราคาถูก และจะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาเครื่องเอกสาร ตกเครื่องละ 19,445 บาท คิดเป็นเงินกำไรรวมกว่า 48 ล้านบาท
พร้อมกับนำเอกสารที่อ้างว่าได้รับมาจาก สพฐ. สำนักงบประมาณ เอกสารใบเสนอราคา และใบสั่งซื้อมาแสดงให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จนผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นเงิน 15 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายได้มาทราบในภายหลังว่า บริษัทของนายธวัชชัย ไม่ได้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าว