"รัสเซีย" ขู่ราคาน้ำมันอาจพุ่ง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ต่างประเทศ
8 มี.ค. 65
12:12
2,770
Logo Thai PBS
"รัสเซีย" ขู่ราคาน้ำมันอาจพุ่ง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"รัสเซีย" เตือนว่าการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรปเตรียมหารือแนวทางยุติการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

วันนี้ (8 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียระบุว่า การห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก และอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือมากกว่า 2 เท่าของราคาน้ำมันในปัจจุบัน พร้อมทั้งระบุว่ารัสเซียมีสิทธิสั่งห้ามการส่งออกแก๊สไปยังเยอรมนี ผ่านโครงการท่อส่งแก๊สนอร์ด สตรีม 1 ด้วย

ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลรัสเซีย มีขึ้นระหว่างที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปกำลังพิจารณาการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อยกระดับการกดดันทางเศรษฐกิจ โดยทำเนียบขาวระบุว่า ขณะนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจในประเด็นนี้ และรัฐบาลพยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ จากราคาน้ำมันที่แพงที่สุดในรอบ 14 ปี

ด้านสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกัน และส่วนหนึ่งจากพรรคเดโมแครต ซึ่งรวมถึง แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร แสดงจุดยืนสนับสนุนและกดดันผู้นำสหรัฐฯ ให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย เนื่องจากมองว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้นำรัสเซียยุติการโจมตียูเครนได้

สหภาพยุโรปเตรียมยุติพึ่งพาพลังงานรัสเซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างถึงร่างแถลงการณ์ว่า ผู้นำชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปเตรียมเห็นชอบร่วมกันในที่ประชุมสุดยอดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10-11 มี.ค.นี้ที่ฝรั่งเศส เพื่อยุติการพึ่งพาการนำเข้าแก๊ส น้ำมันและถ่านหินจากรัสเซีย

เนื่องจากสหภาพยุโรปเผชิญกับความไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการแข่งขันทางยุทธศาสตร์และภัยคุกคามด้านความมั่นคง ดังนั้นสหภาพยุโรปจึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบต่อความมั่นคงของตัวเองให้มากขึ้น ดำเนินการสร้างอธิปไตย ลดการพึ่งพาและออกแบบแนวทางใหม่ด้านการลงทุนและการเติบโตสำหรับปี 2030 โดยยุโรปจะสร้างทางเลือกด้านพลังงานให้หลากหลายและหันไปใช้แก๊สธรรมชาติ รวมถึงการพัฒนาแก๊สชีวภาพและไฮโดรเจน

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสหภาพยุโรป ที่ปัจจุบันนำเข้าแก๊สจากรัสเซียร้อยละ 45 นำเข้าน้ำมันประมาณ 1 ใน 3 และนำเข้าถ่านหินประมาณครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ ยุโรปจะเร่งพัฒนาภาคการผลิตที่สำคัญ เช่น ไมโครชิป ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร โดยตั้งเป้าจะครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ร้อยละ 20 ภายในปี 2030 รวมถึงการพัฒนาให้ยุโรปเป็นผู้นำด้านชีวการแพทย์ หรือ ไบโอ เมดิซีน เพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปัญญาประดิษฐ์ Cloud Computing และเครือข่าย 5G เป็นต้น

อ่านข่าวอื่นๆ

สงครามยูเครนดันราคา "น้ำมัน-ทอง" พุ่งเป็นประวัติการณ์

"ปูติน" ชี้รัสเซียร่วมมือยูเครนดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ปลอดภัย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง