วันนี้ (28 ส.ค.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานงานเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ถึงการปรับ ครม. ว่า คนที่จะปรับ ครม.ได้มีแต่นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณจากทั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งโดยปกติเมื่อจะมีการปรับ ครม.จะมีการส่งสัญญาณมาก่อน
ส่วนจะปรับตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย แทนนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เราไม่ทำอะไรให้วุ่นวาย มีแต่ทำให้สงบ รู้แล้วว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือน มี.ค.2566 คิดว่าขอทำงานดีกว่า
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้แต่ให้กำลังใจทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงนางกนกวรรณ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี คงต้องดูสถานการณ์ก่อน เรื่องแบบนี้วางแผนไม่ได้ เล่นแบบวันต่อวัน หากเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีก็คิดหนัก แต่นี่เป็นตำแหน่ง รมช. เชื่อว่าคงไม่มีอะไรสะดุด เพราะมีรัฐมนตรีทำหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าได้มีการประเมินสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “พรรคภูมิใจไทยขอดูแลตัวเองก่อน”
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ ว่า พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้เตรียมการในเรื่องนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา โดยจะขอแก้ไขสถานการณ์แบบนาทีต่อนาที พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนในกรณีที่หากมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนนอก แทนนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะโหวตให้หรือไม่ โดยย้ำว่า ขอให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้า และไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พรรคภูมิใจไทยก็พร้อม
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทยมา จ.สงขลา เพื่อนำเสนอนโยบายที่พรรคคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวสงขลา และพี่น้องภาคใต้ทั้งหมด แต่ไม่กล้าพูดจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด ย้ำนโยบายพูดแล้วทำ นโยบายต่าง ๆ ที่พรรคเคยพูดไว้ก็สำเร็จเป็นรูปธรรม พี่น้องน่าจะเห็นใจและสนับสนุนให้ได้ทำงานต่อไป
นายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคทำงานเต็มที่ก็น่าจะได้รับการพิจารณา และได้รับความเชื่อมั่นจากพี่น้องชาวสงขลา นำผลงานเป็นตัวกำหนด และจะไม่พูดว่าแลนด์สไลด์ แต่จะค่อย ๆ ตอกเสาเข็มไปเรื่อย ๆ ซึ่งในส่วนของภาคใต้เป็นพื้นที่ที่สร้างเสริมรายได้จากการท่องเที่ยว การเติบโตทางเศรษฐกิจ ก็ต้องตอกเสาเข็มให้ถี่ ๆ หน่อย มั่นใจสิ่งที่เราได้ทำให้พี่น้องภาคใต้ช่วง 3 ปีกว่า มีผลงานมากและเป็นที่ประจักษ์