วันที่ 29 ส.ค.2565 แม่และเด็กชายอายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี แสดงหลักฐานบาดแผลที่ต้นขาของเด็กชายอายุ 15 ปี ยืนยันว่าถูกครูสั่งทำโทษด้วยท่าลุกนั่งจำนวน 200 ครั้ง จนกล้ามเนื้อต้นขาอักเสบและติดเชื้ออย่างรุนแรง ก่อนจะตรวจพบว่า มีฝีขึ้นที่บริเวณขาพับต้นขาซ้าย ต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้ง และต้องพักฟื้นนานกว่า 2 เดือน และคดีไม่มีความคืบหน้า
แม่ของเด็กชาย บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเลิกเรียนลูกชายบอกว่าถูกครูผู้สอนซึ่งเป็นครูผู้หญิง สั่งลงโทษเนื่องจากไม่ยอมเข้าเรียน โดยสั่งให้ทำท่าลุกนั่ง 200 ครั้ง จึงไปซื้อยานวดมาทาและซื้อยาแก้อักเสบมาให้ลูกชายกิน แต่เวลาผ่านไปนานกว่า 7 วัน กระทั่งมีการส่งตัวมาตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลเลาขวัญ จึงพบว่า ลูกชายมีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนต้นขาบวมและมีฝีขึ้น ที่บริเวณข้อพับต้นขาซ้ายต้องทำการผ่าตัด เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่พบว่ายังคงมีน้ำเหลืองไหลออกมาจากแผลผ่าตัด จึงต้องทำการผ่าตัดครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ต้องหยุดเรียนนานกว่า 2 เดือน
ขณะที่ น.ส.เสาวณี วงษ์พัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า จากการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ครูสั่งทำโทษเป็นเพราะเด็กไม่ยอมเข้าเรียน ซึ่งการลงโทษด้วยการสั่งให้ทำท่าลุกนั่ง เป็นข้อตกลงระหว่างครูผู้สอนและนักเรียน โดยครูผู้สอนยืนยันว่า สั่งทำโทษไปจำนวน 150 ครั้ง หลังทราบว่าเด็กมีอาการบาดเจ็บ ได้พาเด็กไปหาหมอที่คลินิกด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
ระหว่างพักฟื้นครูได้เข้าเยี่ยมอาการของเด็กที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ พร้อมประสานครูที่ปรึกษาของเด็กให้ดูแลเรื่องการเรียน และการบ้านของเด็ก เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจว่าเด็กจะไม่เสียการเรียน
ทั้งนี้ คณะผู้บริการสถานศึกษา มีการพูดคุยกับผู้ปกครองแล้ว แต่ยังไม่สามารถตกลงกันในส่วนของเงินค่าเยียวยาได้ เนื่องจากพ่อและแม่ของเด็กชายเรียกร้องเงินเยียวยาและเงินค่าขาดรายได้ของผู้ปกครองที่ต้องหยุดงานมาดูแลลูกกว่า 2 เดือน รวมเป็นเงิน 250,000 บาท แม้จะมีการต่อรองกันจนลดลงมาเหลือ 150,000 บาท แต่ทางครูผู้สั่งลงโทษไม่มีเงินพอที่จะเยียวยาได้ในจำนวนดังกล่าว จึงได้มอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้จำนวน 30,000 บาท แต่ทางพ่อแม่ของเด็กยังไม่ยอมรับและยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด