สภาฯ ล่มองค์ประชุมไม่ครบ หลังถกญัตติส่งเรื่อง ครม. ทำประชามติ แก้ รธน.

การเมือง
15 ก.ย. 65
16:56
420
Logo Thai PBS
สภาฯ ล่มองค์ประชุมไม่ครบ หลังถกญัตติส่งเรื่อง ครม. ทำประชามติ แก้ รธน.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สภาฯ วุ่นองค์ประชุมล่ม หลังถกญัตติด่วน ให้สภาฯ ส่งเรื่องให้ ครม. จัดทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับพร้อมวันเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยเต็มใบ

วันนี้ (15 ก.ย.2565) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาฯ พิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่สภาฯ มีมติในการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

ซึ่งสาเหตุที่ต้องเสนอญัตติด่วนเพราะการสอบถามประชามติไปยังประชาชนเป็นผลประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน และที่ต้องเป็นเรื่องด่วนเพราะขณะนี้สถานการณ์การเมือง จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้ และการจัดทำประชามติ ตาม พ.ร.บ.ประชามติมาตา 9 (4) ยังมีอีกหลายขั้นตอน เมื่อผ่านสภาฯ แล้วต้องไปผ่านวุฒิสภา และต้องเสนอ ครม. หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ประชาชนทำประชามติพร้อมกับวันลือกตั้ง จึงเป็นญัตติด่วนที่ต้องพิจารณาก่อนปิดสมัยประชุม

ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาวิปรัฐบาล ลุกขึ้นค้านโดยขอให้นำวาระรับทราบที่อยู่ในวาระแล้วขึ้นมาพิจารณาก่อน จำนวน 3-4 เรื่อง และให้ใช้เวลาแต่ละเรื่องไม่นาน เพราะมีหน่วยงานรอชี้แจงมาพร้อมแล้ว จากนั้นให้นำญัตติด่วนวาจาดังกล่าวเข้ามาพิจารณา

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ยืนยันให้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาก่อน เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงพิจารณาวาระรับทราบรายงานจนจบได้ และญัตติด่วนด้วยวาจานี้ พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอประกบด้วย เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใกล้กระบวนการเลือกตั้งและมีความจำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ไม่ว่าสภาฯจะมีมติไปทิศทางใดก็ตาม และการพิจารณาคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ประชามติ

ในที่สุดนายสุชาติ จึงวินิจฉัยว่า ญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าวได้เข้าสู่วาระแล้ว จึงขอให้ที่ประชุมดำเนินการไปตามที่มีผู้เสนอญัตติด่วนก่อน

จากนั้นนายณัฐพงษ์ ผู้เสนอญัตติ แถลงสาระสำคัญของญัตติ ว่า พ.ร.บ.ประชามติ จะต้องมีการระบุอย่างชัดเจนเรื่องคำถามและคำตอบ รวมถึงสาระสำคัญประกอบการจัดทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนสามารถออกเสียงประชามติได้อย่างถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเป็นต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหาร มีกระบวนการรับรองโดยอาศัยการทำประชามติที่ไม่เสรี และไม่เป็นธรรมดาตามมาตรฐานสากล มีเนื้อหาบางส่วนที่มีความถดถอยทางประชาธิปไตย จึงมีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยจะต้องสอบถามประชาชนผ่านการทำประชามติก่อน จึงทำให้ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ตนจึงต้องเสนอญัตติด่วนในวันนี้ เพื่อขอทำประชามติสอบถามประชาชนว่าจะเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านกลไกของ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่

ทั้งนี้ที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับญัตติทั้ง 2 ฉบับ แต่ที่ประชุมต้องรอสมาชิกเข้ามาลงคะแนนเป็นเวลานาน โดยมีการอ้างว่าการประชุมวันพฤหัสบดีส่วนใหญ่จะไม่มีการลงมติ เพราะเป็นวาระรับทราบรายงาน สมาชิกจึงออกมาไปข้างนอก

โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม แจงว่าขณะนี้รอสมาชิกมาเป็นเวลา 31 นาทีแล้ว ยังเหลือองค์ประชุมอีก 5 คน จึงรอจนเวลา 40 นาที องค์ประชุมจึงครบคือ 242 เสียง จากนั้นสมาชิกลงมติ โดยมีผู้ลงมติ 230 เสียง เห็นด้วย 215 ไม่เห็นด้วย 6 ไม่ลงคะแนน 6

นายศุภชัย จึงแจ้งว่า ถือว่าเสียงข้างมากเห็นด้วยกับทั้ง 2 ญัตติ แต่นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนเจ็บปวดที่องค์ประชุมไม่ครบต้องยอมรับ คือ กระบวนการไม่ครบ จะทำให้ความชอบสิ่งที่ลงมติเป็นปัญหาให้วุฒิสภาอ้างได้ว่า องค์ประชุมมีปัญหา เมื่อไปถึง ครม. จะมีปัญหาอีก ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เมื่อลงมติไม่ครบก็ปิดประชุม และญัตติไม่ตก ยกไปครั้งหน้าได้ เมื่อเปิดประชุมเดือนพฤศจิกายน ก็ว่ากันใหม่ หากเดินหน้าต่อตัวญัตติจะมีปัญหาที่หลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ถกเถียงในประเด็นที่ว่าญัตติผ่าน แต่องค์ประชุมไม่ครบ อาจทำให้ผู้ที่ไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหยิบยกมาโจมตีได้ ทั้ง นายจุลพันธ์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เห็นตรงกันว่า หากสรุปว่าญัตติผ่านแล้ว แต่องค์ประชุมไม่ครบ จะทำให้สูญเปล่า และมีปัญหาข้อกฎหมายที่ค้างคา นำไปสู่การร้องศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับพยายามเสนอให้ว่า เมื่อองค์ไม่ครบ ควรปิดประชุมและเลื่อนการลงมติในครั้งถัดไป เพราะตัวญัตติยังมีความชอบ ไม่อยากให้ผ่านไปแล้ว มีปัญหาทีหลัง

ในที่สุดนายศุภชัย ชี้แจงว่า การลงมติดังกล่าวถือว่าเห็นด้วยกับการลงมติ ส่วนกรณีครบองค์ประชุมนั้น ถือว่าไม่ครบต้องเป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ ข้อกฎหมายและข้อบังคับ และสั่งการประชุม 15.55 น.

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง