วันนี้ (13 ต.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับน้ำเหนือไหลผ่านในแม่น้ำเจ้าพระยาและน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้กรุงเทพฯ ยังต้องเฝ้าระวังจุดเสี่ยงใหญ่ที่สุดที่น้ำยังเล็ดลอดมาได้
ทั้งนี้อาจผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ วันนี้ทีมข่าวไทยพีบีเอสไปสำรวจ 1 ใน 3 จุดเสี่ยงน้ำทะลักมากที่สุดของกรุงเทพฯ
ล่าสุด ช่วงเย็นวันนี้ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ลงพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียมของบริษัทเอกชนในย่านพระราม 3 เขตยานนาวา เนื่องจากพบว่า บริเวณนี้เป็นจุดเสี่ยงที่เกิดน้ำผุด และน้ำไหลจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่พื้นที่เป็นวงกว้าง
จุดดังกล่าว เป็นพื้นคอนกรีตมีลักษณะเป็นโพรงใหญ่ ลึก ซึ่งในช่วงน้ำเอ่อจะทะลักขึ้นมาท่วมและไหลได้เต็มที่
นอกจากนี้ สถานที่เดียวกันนี้ ยังมีโพรง หรือ รูให้น้ำซึมเล็ดลอดได้อีกจำนวนมาก ซึ่งเป็น 1 ในจุดเสี่ยงหลักที่ กทม.ต้องเร่งป้องกันในขณะนี้ เพราะเป็นลานคอนกรีตโล่งและไม่มีแนวกำแพงกั้นน้ำถาวร
รวมถึงน้ำยังเคยไหลออกไปท่วมถึงถนนพระราม 3 ที่อยู่ด้านหน้ามาแล้ว เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา
ขณะนี้ได้ใน 1 จุดนั้นได้ใช้กระสอบทรายบล็อกไปแล้วมากกว่า 5,000 ใบ และวันนี้ยังต้องอัดเพิ่มอีกกว่า 2,000 ใบ
ส่วนสนามฟุตซอลที่อยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม พบว่า จุดนี้มีน้ำเจ้าพระยาเอ่อไหลท่วมแผ่เต็มพื้นที่แล้วเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องกั้นน้ำ ลักษณะเป็นท่อยาวมาสูบลมและเติมน้ำเข้าไปกั้นเพื่อให้เป็นแนวป้องกัน ซึ่งนำมาใช้แทนกระสอบทรายป้องกันความเสี่ยงของน้ำ ที่จะหนุนในช่วงค่ำวันนี้
ระหว่างนี้ได้วางระบบให้น้ำที่ไหลออกมาจากท่อ บังคับให้ไหลไปตามราง และใช่เครื่องสูบน้ำดึงน้ำไหลให้ลงท่อเพื่อย้อนกลับไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาใหม่
สำหรับภาพรวมขณะนี้ กรุงเทพฯ เตรียมกระสอบทรายไว้จำนวน 2.5 ล้านใบ โดยแจกจ่ายให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตไปแล้ว 1 ล้านใบ รวมกับกระสอบทรายที่ยังมีใช้จากปีที่แล้วอีก 1.6 ล้านใบ
ทั้งนี้ สถานการณ์ในขณะนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่เพียงพอต่อการรับมือกับน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์น้ำทะเลที่อาจหนุนสูงอีกระลอกในช่วงวันที่ 29 ต.ค.นี้