ชาวเน็ตจีนระวัง! กด Like โพสต์ประท้วงโควิด-19 อาจมีโทษ

ต่างประเทศ
1 ธ.ค. 65
11:26
292
Logo Thai PBS
ชาวเน็ตจีนระวัง! กด Like โพสต์ประท้วงโควิด-19 อาจมีโทษ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ชาวเน็ตในจีนอาจต้องรับผิดจากการกดถูกใจ (Like) โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการ Zero Covid โดยทางการถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อประเทศ สร้างความกังวลว่าประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีแผนที่จะควบคุมสื่อสังคมออนไลน์อย่างเข้มงวดเป็นครั้งแรก

วันที่ 30 พ.ย.2565 สำนักข่าว CNN รายงานว่า หน่วยงานเฝ้าระวังทางอินเทอร์เน็ตของจีน หรือ China’s internet watchdog เพิ่มกฎระเบียบด้านการใช้อินเตอร์เน็ต สร้างความความไม่พอใจให้สาธารณชนที่ต้องเจอกับข้อจำกัดโควิดที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศนี้

ข้อบังคับใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.25652 เป็นต้นไป แนวทางใหม่นี้ส่วนหนึ่งถูกเผยแพร่โดย Cyberspace Administration of China (CAC) มาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

CAC นั้นดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการกิจการ Cyber Space กลางที่มีผู้นำ สี จิ้นผิง เป็นประธาน

ข้อบังคับใหม่นี้กำลังเป็นที่จับจ้องของชาวเน็ตจีนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากมีการประกาศ ยิ่งเพิ่มกระแสความไม่พอใจของประชาชนมากขึ้น และแผ่ขยายไปทั่วประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนหลายพันคนในกรุงปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ รวมถึงเมืองต่างๆกว่า 12 แห่งได้ออกมาประท้วงเรียกร้องให้ยุติข้อจำกัดอันเข้มงวดเรื่องโควิด-19 และเรียกร้องให้มีเสรีภาพทางการเมือง

อันที่จริง ข้อบังคับนี้ถูกปรับปรุงจากข้อบังคับเก่าในปี 2560 และข้อแตกต่างคือ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการระบุว่า "การถูกใจ" รวมถึงการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในโพสต์ใดๆ จะต้องได้รับการยินยอม และทุกบัญชีในโลกออนไลน์ (Account user) จะต้องถูกตรวจสอบได้ทุกกรณี

อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับนี้ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดว่าเนื้อหาประเภทใดที่ถือว่าผิดกฎหมายหรือเป็นอันตราย

หลากความเห็นจากนักวิชาการ

David Zweig ศ.กิตติคุณแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกงกล่าวกับ CNN โดยอ้างถึงสำนวนจีนที่ว่า ประกายไฟเพียงครั้งเดียวสามารถจุดไฟที่ใหญ่กว่ามากได้อย่างไร

การประกาศบังคับใช้ข้อบังคับนี้ เป็นเหมือนการจุดไฟครั้งเดียว แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจจะต้องเจอกับไฟที่ถาโถมเข้ามาจากการลุกฮือประท้วงของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับประกาศนี้ 

Joseph Cheng ศ.ด้านรัฐศาสตร์ที่เกษียณอายุราชการ มหาวิทยาลัยซิตี้ฮ่องกง นักวิเคราะห์กล่าวว่า กฎระเบียบใหม่เป็นสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งปราบปรามผู้เห็นต่าง

เจ้าหน้าที่มีความกังวลอย่างมากกับการควบคุมการประท้วงที่เกิดขึ้นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้วิธีการควบคุมคือการหยุดการสื่อสารของผู้ประท้วง 

Isaac Stone Fish ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Strategy Risks ประเทศจีนให้ความเห็นว่า

สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือหลังจากการประท้วงของชาวจีน น่าจะเห็นความพยายามการจัดการโลกออนไลน์ของจีนที่ก้าวร้าวมากขึ้น โดยปัจจัยหลักน่าจะขึ้นกับการประท้วงที่ขยายวงกว้าง 

Chongyi Feng รศ.ด้านจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ กล่าวว่าดูเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันมาก ในขณะที่ประชาชนชาวจีนต้องการแสดงความรู้สึกไม่พอใจ และทางการต้องการระงับไว้ 

การควบคุมทางโลกออนไลน์โดยทางการจีนนั้นเกินกว่าจะคาดเดาได้ แต่คงไม่สามารถห้ามการแสดงออกทางออนไลน์ของพลเมืองจีนผู้กล้าหาญได้เช่นกัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มการคัดกรองข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ การบังคับใช้นโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของประเทศและการที่ สี จิ้นผิง จะดำรงตำแหน่ง ปธน. เป็นสมัยที่ 3 กลายเป็นการจุดประกายความไม่พอใจให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก

ข้อบังคับใหม่

ตามประกาศข้อบังคับใหม่นั้น ข้อมูลของเจ้าของบัญชีออนไลน์ทั้งหมด ได้แก่ เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ IP Address จะต้องถูกตรวจสอบ เพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริง แล้วจึงสามารถแสดงความคิดเห็นหรือกดถูกใจโพสต์ได้ 

แพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ต้องพัฒนาระบบการจัดอันดับผู้ใช้บริการ โดยวัดจาก เนื้อหาความคิดเห็นที่โพสต์หรือจำนวนยอดถูกใจ หากบัญชีผู้ใช้ที่มีคะแนนต่ำให้จัดอยู่ในอันดับบัญชีไม่น่าเชื่อถือ และต้องทำการบล็อกและห้ามใช้แพลตฟอร์มหรือลงทะเบียนบัญชีใหม่อีกต่อไป

นอกจากนั้น แพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด จะต้องตั้งหน่วย ทีมตรวจสอบและแก้ไข เป็นของตนเอง คอยตรวจสอบ รายงาน หรือลบเนื้อหาตามเวลาจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวจะต้องได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะสามารถปรากฏทางออนไลน์ได้

 

ที่มา : CNN 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง