แม้จำนวนผู้คนที่ไปร่วมเวทีจะมีถึงหลักหมื่นอย่างที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งเป้าไว้
แต่บางกรณีกลับ “ไม่ปัง” อย่างที่คาดหวังไว้ ดังที่นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระใน จ.นครราชสีมา ให้ความเห็นว่า คนในเขตเมืองนครราชสีมา (โคราช) ที่สนใจกระตือรือร้นเข้าร่วมงานมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นคนนอกเขตเมืองโคราช อีกทั้งส่วนหนึ่งเป็นมวลชนเดินทางมาจากจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน
หลายคนไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เกิดที่นครราชสีมา แต่เกิดที่โรงพยาบาลไหนเป็นอีกกรณีหนึ่ง นายกฯ บอกว่าเกิดในค่าย ทำให้เกิดคำถามว่า ตอนนั้นมีโรงพยาบาลในค่ายทหารหรือเปล่า ทำให้การใช้สถานภาพการเกิดเป็นจุดขาย ยังไม่แรงพอ เสียงตอบรับยังไม่มาก
นายทวิสันต์ กล่าว
นายทวิสันต์ตั้งข้อสังเกตในฐานะคนที่อยู่ในเขตเมืองโคราชด้วยว่า การดึงมวลชนเสื้อแดงเข้าร่วมในการเปิดเวทีปราศรัย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดงกลุ่มใด ต้องยอมรับว่า ถึงขณะนี้อ่อนแรงลงจากเดิมมากแล้ว
แต่เป็นกลุ่ม กปปส.โคราชมากกว่า ที่พลังยังเข้มแข็ง เคยจัดคนจากโคราชไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อครั้งมากถึง 20 คันรถบัสก็มี แต่กลุ่มนี้ กลับไปร่วมงานปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ น้อยมาก
รวมทั้งประเด็น ใครเป็นขุนพลหลักของภาคอีสานกันแน่ ระหว่างนายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.หลายสมัย จ.นครศรีธรรมราช และอดีต รมว.สาธารณสุข กับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ และอดีต ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในพื้นที่ ทั้งเป็นเรื่องในเชิงสัญลักษณ์การนำทัพสู้ศึกด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่นายทวิสันต์บอกว่า เป็นความผิดพลาดของทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ และกรรมการยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติสำหรับเวทีนี้คือ การให้ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเครื่องบินเจ็ทแทนที่จะนั่งรถรถยนต์ไป เพราะสามารถแวะเวียนข้างทางตามจุดพักต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ เพื่อตรวจสอบท่าทีปฏิกริยา
และสามารถสร้างคะแนนนิยมจากคนโคราชได้ ทำให้กำหนดการเดิมทั้งแวะที่ อ.ปักธงชัย และ อ.โชคชัย เพื่อสร้างความฮึกเหิมและมีผลทางด้านจิตวิทยาต่อมวลชนและกองเชียร์ ต้องหายไปด้วย
แม้แต่ประเด็น “มอตโต้” นายทวิสันต์ย้ำว่า ความจริงมีความสำคัญเพราะเป็นการตลาดแบบหนึ่ง แต่มอตโต้ที่ใช้คำว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ใช่ว่าจะเกิดผลบวกต่อ พล.อ.ประยุทธ์
เพราะคำว่า “ทำแล้ว” น่าจะหมายถึง สิ่งที่ทำแล้วทำให้ผู้คนเกิดความพึงพอใจ แต่ที่เป็นอยู่มีทั้งดีและเสีย มีทั้งพอใจและไม่พอใจ
ขณะที่คำว่า “ทำอยู่” แต่ในทางปฏิบัติ กลับปรากฏว่า ปล่อยให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมากจนกลายเป็นประเด็นถูกวิจารณ์โจมตี เช่น เรื่องทุนสีเทาจีน เรื่องข้าราชการ-ตำรวจเกี่ยวพันกับเรื่องผิดกฎหมาย เรียกรับผลประโยชน์ รวมถึงการพนันออนไลน์
ส่วนคำว่า “ทำต่อ” จะเกิดคำถามว่า จะทำต่อในกรอบเวลา 2 ปี หรือ 4 ปี เพราะสามารถไปต่อบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้อีกเพียงครึ่งเทอม หรือ 2 ปีเท่านั้น จึงอาจจะเสียมากกว่าได้
นายทวิสันต์ กล่าวด้วยว่า สนามเลือกตั้งจังหวัดนครราชสีมา จะมีมากถึง 16 เขตเลือกตั้ง ส.ส.16 คนในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวในจังหวัด หลักๆแล้วจะแย่งชิงการเป็น “แชมป์” แต่เพียง 2 พรรค คือพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคเพื่อไทย
พรรคแรก มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค เป็นคนขับเคลื่อนสำคัญ มีบารมีและฐานเสียงที่แน่นหนามาก
ส่วนพรรคเพื่อไทย จะได้แรงบวกจาก “เสี่ยป้อ” นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย ที่พา ส.ส.เดิมพรรคภูมิใจไทย 2 คน เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่นำทัพโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยแล้ว
“ส่วนตัวแปร หรืออานิสงส์ที่อาจได้รับนอกจาก 2 พรรคนี้ คือพรรคก้าวไกล ซึ่งครั้งที่แล้วได้คะแนนเสียงในโคราชเกือบ 2 แสนคะแนน ครั้งนี้ แม้อาจปักธง ส.ส.เขตไม่ได้ แต่จะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่น้อยแน่ ๆ เช่นเดียวกับพรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า อาจช้าไปหน่อยสำหรับการรวมตัว 2 พรรค และชูเรื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจการลงทุนในโคราช ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่ผ่านมา เอสเอ็มอี ปักป้ายหน้าร้านทั้งขายทั้งเซ้งกิจการ” นายทวิสันต์ กล่าว
ฟังมุมมองจากนักวิชาการในพื้นที่ซึ่งมีเครือข่ายครบถ้วนไม่ธรรมดา อย่าง นายทวิสันต์แล้ว คงได้คำตอบมากขึ้นจากการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรกในภาคอีสานของ “บิ๊กตู่” และรวมไทยสร้างชาติ รวมทั้งพอจะมองข้ามช็อตไปถึงอนาคตข้างหน้า ในศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นได้