ใครได้บิลค่าไฟรอบล่าสุดกลางเดือน มี.ค.-เม.ย. คงมีคำถามไม่ต่างกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องเดิมใช้เท่าเดิม แล้วทำไมเรียกเก็บแพงขึ้น
วันนี้ (18 เม.ย.2566) แม่ค้าร้านผลไม้ โชว์บิลค่าไฟผ่านโทรศัพท์มือถือ ยืนยันว่าค่าไฟล่าสุดสูงถึงหมื่นกว่าบาท รู้สึกหนักใจ
เช่นเดียวกับเจ้าของบ้านหลังหนึ่งใน จ.ปทุมธานี
ที่ค่าไฟฟ้าของเดือน ก.พ. อยู่ที่ 1,300 บาท
เดือน มี.ค. 1,900 บาท
เดือน เม.ย. 2,600 บาท 300 หน่วยกลายเป็น 500 หน่วย ยังไงก็ต้องต่อสายหา "การไฟฟ้า" เบื้องต้นการไฟฟ้าก็จะให้นึกย้อนไปก่อนว่า ใช้อะไรเปลืองที่สุด ซึ่งคงเป็นเครื่องปรับอากาศ
เพราะเดือน มี.ค. ทั้งร้อนขึ้น ฝุ่นพิษคลุมเมือง อยู่กลางแจ้งไม่ไหว ก็ต้องเข้าบ้านไปเปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศกัน
ส่วนต้นเดือน เม.ย. อากาศร้อนจัด การไฟฟ้านครหลวง อธิบายเรื่องหน่วยไฟเพิ่มขึ้นว่าเครื่องทำความเย็นประเภทต่าง ๆ จะกินไฟเพิ่ม ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะใช้เท่าเดิม ทั้งจำนวนชิ้นและระยะเวลา
อย่างเครื่องปรับอากาศเห็นชัด ถ้าจะทำความเย็นให้เท่ากับ อุณหภูมิที่เราตั้งค่าไว้ คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดโดยไม่ตัดเลย ถึงใช้เวลาเท่าเดิม ยังไงอัตราการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่ม
แม้การไฟฟ้านครหลวงจะออกคำแนะนำ ล้างแอร์หรือยัง ตั้งอุณหภูมิ 26-27 องศา แล้วใช้พัดลมช่วย แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ประหยัดไฟ กว่าแอร์รุ่นเก่าประมาณร้อยละ 20 อาจไม่เย็นฉ่ำเท่าแต่เบากระเป๋ากว่าแน่นอน
แต่บิลออกมาก็เดือดร้อนแล้ว และเรื่องนี้ถึงหูนายกรัฐมนตรีแล้วเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบคำถามว่าเหตุค่าไฟฟ้าแพงมาจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน รัฐบาลได้ปรับรูปแบบด้วยการหาแหล่งพลังงานใหม่ และพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น รองรับการใช้พลังงานหลายด้าน ทั้งอุปโภคบริโภค สาธารณะ และภาคอุตสาหกรรม ยืนยันว่าไม่ให้เกิดการเหลื่อมล้ำ
มาตรการบรรเทาค่าไฟ ยังมีเหลืออยู่ สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยทั่วไป รอบบิลหน้าหรือของเดือน เม.ย. จะเป็นรอบบิลสุดท้าย ที่ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยได้ส่วนลด
จะขยายเวลาออกไปหรือไม่ขึ้นอยู่กับ กกต.ว่ารัฐบาลรักษาการอนุมัติได้หรือไม่ แต่ที่ยังช่วยเหลืออยู่ คือ ผู้มีสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12 ล้านคน ที่ใช้ไฟไม่เกิน 315 บาท จะได้รับยกเว้น หรือมิเตอร์ 5 แอมป์ ใช้ไม่เกิน 50 หน่วย จะได้รับยกเว้นเช่นกัน
การช่วยเหลือที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการยกเว้น เพราะค่าพลังงานแพง แต่ระยะต่อไป ตัวแทนหลายพรรคการเมือง ต่างเห็นไปในทางเดียวกัน ที่จะผลักดันโซลาร์ประชาชน ผลิตไฟใช้เอง เหลือใช้ขายคืนให้การไฟฟ้า โดยไม่มีเงื่อนไข และต่างเห็นว่าโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่รัฐต้องจ่าย ค่าความพร้อมจ่าย หรือ การจ่ายเงินให้แม้ไม่มีการเดินเครื่อง จำนวน 45,000 ล้านบาท ทำอย่างไรจึงจะจัดการให้ได้
คงต้องพิจารณาว่าชอบนโยบายแบบไหน พรรคไหน ก็ไปใช้สิทธิ แต่ตอนนี้ ใช้ไฟมากจ่ายมาก ต้องตระหนักและระมัดระวัง
อ่านข่าวเพิ่ม :