7 วัน ป่วยโควิดรักษาตัวใน รพ. 2,632 คน เสียชีวิต 64 คน

สังคม
22 พ.ค. 66
12:00
2,885
Logo Thai PBS
7 วัน ป่วยโควิดรักษาตัวใน รพ. 2,632 คน เสียชีวิต 64 คน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เข้าสู่ฤดูฝน-เปิดเทอมใหม่ แนวโน้มป่วย COVID-19 เพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรค เผย 1 สัปดาห์ ป่วยรักษาตัวใน รพ. 2,632 คน เสียชีวิต 64 คน พร้อมรณรงค์ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608

วันนี้ (22 พ.ค.2566) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานยอดผู้ป่วย COVID-19 ในรอบ 1 สัปดาห์ (14-20 พ.ค.) เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 2,632 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 401 คน ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 226 คน ยอดป่วยสะสม 15,069 คน เสียชีวิต 64 คน

ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในเดือน พ.ค.เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน และสถานศึกษาหลายแห่งเปิดการเรียนการสอน โดยมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจทำให้การแพร่ระบาด COVID-19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จึงเชิญชวนและสนับสนุนให้ยุวอาสาสมัครสาธารณสุข (ยุว อสม.) ซึ่งเป็นเยาวชนจิตอาสาในการสื่อสารสุขภาพด้านต่าง ๆ บอกต่อสาระความรู้ทางด้านสุขภาพ โดยการเชิญชวนเพื่อนในโรงเรียน ครอบครัว และประชาชนทั่วไปในชุมชน รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข เข้ารับการฉีดวัคซีนประจำปี แนะนำให้ฉีดปีละ 1 เข็ม ในช่วงก่อนฤดูฝน ห่างจากเข็มสุดท้าย หรือหลังติดเชื้อครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 3 เดือน

ทั้งนี้ สามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง ซึ่งจะเป็นวัคซีนชนิดใดหรือรุ่นใดก็ได้ที่ได้รับการรับรอง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต

ด้าน นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส. ขอเชิญชวนยุว อสม.กว่า 13,000 คนทั่วประเทศ ชวนเพื่อน ครอบครัว และคนในชุมชนเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด 19 ประจำปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่หน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน และรณรงค์ให้ประชาชนยังคงมาตรการป้องกัน COVID-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ เช่น การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่แออัด ชุมชนสาธารณะ อยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และล้างมือบ่อย ๆ เป็นวิถีใหม่ที่ควรปฏิบัติต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง