หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับ ตำรวจ ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) บุกทลายแหล่งผลิตยาจุดกันยุงเถื่อน ที่มีการผสมสารต้องห้าม เมเพอร์ฟลูทริน (Meperfluthrin) และ ไดมีฟลูทริน (Dimefluthrin โดยสามารถยึดสินค้าได้มากถึง 227,000 กล่อง มูลค่ากว่า 4,540,000 บาท
นพ.ณรงค์ อภิกุลวาณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากขยายผลการจัดกุมผลิตภัณฑ์ยากันยุงเถื่อนที่ ผสมสารต้องห้าม meperfluthrin และ dimefluthin โดยจากการประสานข้อมูลไปยังตำรวจสอบสวนกลาง กก.4 บก. ปคบ. ยังไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม แต่ได้มีการประสานกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปิดกั้นการมองเห็นและดำเนินคดีกับผู้ขายออนไลน์ จำนวน 200 ร้าน พร้อมทำหนังสือแจ้งสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศให้มีการเฝ้าระวัง
ยากันยุงในท้องตลาด
ปัจจุบัน มียาจุดกันยุงในท้องตลาดที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง 40 รายการ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ยาจุดกันยุงที่มีสารออกฤทธิ์ไล่ยุงเป็นสารเคมีกลุ่มไพรีทรอยด์ ซึ่งจัดเป็นวัตถุ อันตรายชนิดที่ 3 ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีการขึ้นทะเบียน 188 รายการ และผลิตภัณฑ์ยาจุดกันยุงที่มีน้ำมันตะไคร้หอมเป็นสารออกฤทธิ์ไล่ยุง ซึ่งจัดเป็นวัตุอันตรายชนิดที่ 1 ต้องแจ้งข้อเท็จจริงของผลิตภัณฑ์ต่อ อย.หรือ สสจ. มี 21 รายการ
ปริมาณสารกำจัดยุงเกินมาตรฐาน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ส่วนสารเคมีที่ตรวจพบในยาจุดกันยุงเถื่อนได้แก่ สาร meperfluthirin, สาร dimefluthrin ซึ่งเป็น สารในกลุ่มไพรีทรอยด์ (pyrethroids) ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. และไม่ผ่านการประเมินประสิทธิภาพ ความปลอดภัยในการใช้รวมถึงอัตราการใช้ที่เหมาะสม จึงอาจก่อให้เกิดอันตราย กับผู้ใช้ และไม่สามารถ สืบค้นข้อมูลด้านความปลอดภัยต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมของสารดังกล่าวได้ และพบว่ายังไม่เคยมีการอนุมัติ ให้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
• สาร meperfluthrin ไม่อยู๋ในรายการสารที่แนะนำให้ใช้โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
• สาร dimefluthrin องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำความเข้มข้นในยาจุดกันยุงที่ 0.004 - 0.03% แต่ตัวอย่างยาจุดกันยุงเถื่อนตรวจพบว่า ใช้มากถึง 0.131-0.144 % ซึ่งมากกว่าที่ WHO แนะนำ 5 - 36 เท่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิด 3 กลไก แปลงร่างจาก ”ยุง” เป็น ”ซูเปอร์ยุง”
"ยุงดื้อสารเคมี"ป่วยไข้เลือดออกพุ่ง
นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดที่ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งมาจากการดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลง ของยุงลาย โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์ ที่มีการใช้ในการควบคุมยุงลายและป้องกันโรคไข้เลือดออกในทุก ภูมิภาคของประเทศ
ในปัจจุบันจึงมีรายงานยุงลายดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์หลายชนิด เช่น แอลฟาไซเพอร์ , เมทริน (alpha-cypermethrin) ,ไบเฟนทริน (bifenthrin) ,เดลทาเม-ทริน (deltamethrin) ไซฟลูทริน (cyfluthrin) ,ไซเพอร์เมทริน (cypermethrin) ,แลมป์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) และ เพอร์เมทริน (permethrin) ในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย
แนะสลับสารเคมีกำจัดป้อง "ยุง" ดื้อยา
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดยุงที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น สเปรย์กำจัดยุง ยาจุดกันยุง ธูป ไล่ยุง และผลิตภัณฑ์กันยุงใช้กับเครื่องไฟฟ้า ชนิดของเหลว และชนิดแผ่น ฯลฯ ที่มีสารสำคัญหรือสารออกฤทธิ์ดังกล่าวข้างต้น จะไม่สามารถใช้ในการควบคุมยุงลายดื้อสารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์และป้องกันโรคไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้แนะนำให้ใช้สารเคมีกำจัดแมลงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)ในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต เช่น 1% เฟนนิโตรไธออน (fenitrothion) และกลุ่มไพรีทรอยด์ เช่น 0.1% ทรานส์ฟลูทริน (transfluthrin) ในผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดยุง
การแก้ปัญหายุงดื้อสารเคมีกำจัดแมลงนั้น ควรสลับสับเปลี่ยนกลุ่มสารเคมีกำจัดแมลงในการควบคุมยุงลายทุก ๆ 2-3 ปี เพื่อชะลอการดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลง
ไข้เลือดออกคร่าชีวิตแล้ว 151 คน
กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่ 1 มกราคม - 29 พฤศจิกายน 2566 พบว่า มีผู้ป่วยแล้ว 139,719 คน คิดเป็นอัตราป่วย 211.28 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 151 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 0.11
แบ่งผู้ป่วยเป็นเพศชาย ร้อยละ 50.9% เพศหญิง ร้อยละ 49.1% ส่วนอาชีพที่พบป่วยมากสุด ได้แก่ นักเรียน 65,144 คน , รับจ้าง 28,477 คน และช่วงอายุที่พบอัตราป่วยมากสุด คือ 5-14 ปี จำนวน 48,010 คน ,กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากสุดได้แก่ 25-34 ปี จำนวน 42 คน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการเสียชีวิต ในผู้ใหญ่ พบว่า มาจากเข้ารับการรักษาในรพ.ช้า ถึง ร้อยละ 34.5 ส่วนเด็กอายุน้อยต่ำกว่า 15 ปี มาจาก ภาวะอ้วน ร้อยละ 25.6 และเมื่อผลสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย House index พบกว่าเกินมาตรฐานถึง ร้อยละ 50.5%
โลกร้อนทำวงจรชีวิตยุงเปลี่ยน
พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยอมรับว่า สถาน การณ์โลกร้อนทำให้วงจรชีวิตของยุงเติบโต เร็วมากขึ้น ปัจจัยการเกิดยุง เกี่ยวข้องกับทางอุตุนิยมวิทยา ทั้ง ความชื้นสัมพัทธ์ ,ปริมาณน้ำฝน และอุณหภูมิ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ทำให้จำนวนยุงเพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่เคยหนาวก็อุ่นขึ้น แต่ประเทศไหนที่ร้อนอยู่แล้ว ยุงก็ไม่สามารถวางไข่ได้
พญ.ฉันทนา กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศไทยเผชิญปัญหากฝนหลงฤดู ทำให้เกิดแหล่งน้ำขังตามบ้านเรือน เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการรณรงค์ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง กำจัดน้ำขัง ตามกระถางต้นไม้ ,ขวดพลาสติก
อย่างไรก็ตามพบว่าอัตราการป่วยไข้เลือดออกในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 พบว่า สูงขึ้น 3.4 เท่า และคาดการณ์ว่าแนวโน้มระบาดอาจข้ามปี
ดังนั้น ต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย สื่อสารความเสี่ยง เพื่อลดความรุนแรงของการระบาดและจำนวนผู้เสียชีวิต
แม้ไข้เลือดออกจะจัดเป็นโรคประจำถิ่น ในพื้นที่เขตร้อนชื้น การกำจัดวงจรลูกน้ำ-ยุงลาย "ไม่มียุง ไม่มีโรค" คือ แนวทางหนึ่งในการยุติปัญหาไข้เลือดออกที่ดีที่สุด











