แม้จะเป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด แต่ทีมชาติไทยในยุคการทำทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นได้รับคำชื่นชมจากแฟนฟุตบอลว่าทำทีมมีอนาคต หลังแสดงให้เห็นถึงวิธีการ และ รายละเอียดแท็คติกว่ามีส่วนสำคัญในการยกระดับการเล่นของแข้งไทย
โดยเฉพาะการเข้ามาแก้ไขการเล่นเกมรับให้มีความเหนียวแน่นมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลงานในรอบแบ่งกลุ่มที่ไม่เสียประตูให้กับทั้ง คีร์กีซสถาน, โอมาน และ ซาอุดิอาระเบีย รวมถึงมีจังหวะการเล่นเกมรุกที่ชัดเจน และต่อกรกับทีมระดับเอเชียได้สนุก
หากเปรียบเทียบกับเรื่องระยะเวลาการเก็บตัวที่กระชั้นชิด แต่ผลงานผ่านมาถึงรอบ 16 ทีม ถือว่าโค้ชอิชิอิทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยกลุ่มผู้เล่นเจเนอร์เรชั่นใหม่ๆ ในวันที่ไร้ 2 แข้งมากประสบการณ์ อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดา
แต่ สุภโชค สารชาติ ก็ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยม โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเอเชียนคัพครั้งนี้ทำให้เห็นระยะห่างระหว่างไทย กับทีมชั้นนำเอเชีย ว่าจะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้ตามพวกเขาทัน ซึ่งทุกคนก็ต้องกลับไปพัฒนาตัวเองในสโมสร เพื่อกลับมาทำให้ทีมชาติแข็งแกร่งอีกครั้ง
ขณะที่ในมุมมองของ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กองกลางคนสำคัญและเป็นศิษย์เก่าของอิชิอิในสโมสรทั้งทีสมุทรปราการ ซิตี้ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มองว่า หากจะยกระดับทีมชาติไทย ต้องช่วยกันพัฒนาทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นสโมสร หรือ สมาคมฟุตบอล เพื่อให้ทีมเดินไปข้างหน้า
แม้เอเชียนคัพครั้งนี้ทีมชาติไทย จะสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไม่ได้ แต่การเข้ามาคุมทีมชาติไทยของโค้ชอิชิอิได้สร้างความประทับใจ และความหวังให้กับแฟนฟุตบอลไทยที่ต้องการเห็นฟุตบอลไทยพัฒนาไปข้างหน้า
ซึ่งสิ่งสำคัญที่อิชิอิเน้นย้ำคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันที่จะผลักดันฟุตบอลไทยไปข้างหน้าเพื่อสร้างความสุขให้แฟนฟุตบอลไทย
โดยโปรแกรมนัดต่อไปของทีมชาติไทย คือการทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดที่ 3 ที่จะต้องบุกไปเยือน เกาหลีใต้ ในวันที่ 21 มีนาคมนี้
- "สรานนท์ อนุอินทร์" จอมหนึบช้างศึก ช่วยไทยยันเสมอ "ซาอุฯ"
- ไล่ไม่ทัน! ไทยพ่ายอุซเบกิสถาน 2-1 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกเอเชียนคัพ 2023