การพักผ่อนท่องเที่ยว มีส่วนช่วยลดความเครียดทั้งทางร่างกาย จิตใจ เหมือนจุดไฟที่ไหม้มอดจากการทำงานทั้งสัปดาห์ พอได้ชาร์จไฟก็มีพลังทำงานในสัปดาห์ใหม่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ
การพักผ่อนที่สร้างประโยชน์ อาจส่งผลเสียได้ พอได้พักผ่อนยาวๆ รวมกับความกังวลว่าช่วงเวลาแห่งความสุข ความสบายใจกำลังจะหมดไป จึงทำให้เกิด "อาการซึมเศร้าหลังหยุดยาว" ได้ อาการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลับเข้าสู่การดำเนินชีวิตปกติหรือกลับไปทำงานแล้ว มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน ตั้งแต่ Post-Vacation Blues, Post–Holiday Blues และ Post-Vacation Depression
ภาพประกอบข่าว
อ่าน : 30 มีนาคม "วันไบโพลาร์โลก" รู้จัก โรคอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวสุข
อาการซึมเศร้าหลังหยุดยาวจะเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่กลับสู่ชีวิตทำงาน มีตั้งแต่มึนหัว หงุดหงิด นอนหลับได้ยาก และอาจรุนแรงขึ้นหากมีปัญหาอื่นๆ ในที่ทำงานร่วมด้วย ลองสังเกตดูว่า มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรอบข้างหรือไม่
-
ความผิดปกติทางอารมณ์ รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด รู้สึกโหยหาอดีตช่วงที่ได้หยุดยาว รู้สึกไม่สบายใจ มีอาการเครียด
-
ความผิดปกติด้านร่างกาย ปวดตามเนื้อตัว ปวดหัว หายใจลำบาก ใจเต้นแรง ความดันสูงขึ้น
อาการเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะหายได้เอง แต่หากเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานกว่านั้น อาจดำเนินไปสู่โรคซึมเศร้าได้ หากมีอาการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น รู้สึกเศร้าซึม ว่างเปล่า สิ้นหวัง เหนื่อยล้าหมดพลัง ไม่มีสมาธิ ใจลอย น้ำหนักลดลง ปวดตามเนื้อตัวจนถึงมีความคิดหรือพยายามที่จะฆ่าตัวตาย ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์
ภาพประกอบข่าว
อ่าน : "โรคซึมเศร้า" ต้องช่วยกันซึมซับ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเศร้า
Check-list อาการแบบไหนต้องพบจิตแพทย์
- เช็กการนอนหลับ : มีพฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือนอนหลับมากเกินไป ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- เช็กอารมณ์ความรู้สึก : มีอารมณ์และนิสัยที่ต่างไปจากเดิมจนสังเกตได้ เช่น มีอารมณ์เศร้าง่าย หรือรู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ จนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
- เช็กความคิด : มีความคิดเชิงลบว่าตัวเองไร้ค่าหรือไม่ควรมีชีวิตอยู่ จากที่ไม่เคยระแวงอะไรมาก่อน ก็คิดว่าจะมีคนมาปองร้ายหรือทำร้าย
- เช็กการทำงานของสมอง : ความจำเปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการคิดอ่านและการตัดสินใจลดลง เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของโรคทางจิตเวช
- เช็กพฤติกรรม : จากเมื่อก่อนไม่ชอบออกไปข้างนอก ตอนนี้กลับออกไปข้างนอกตลอด ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบไม่คิด หุนหันพลันแล่น ชอบทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงหรือจากที่เคยเ็ป็นคนชอบเข้าสังคม อยู่ๆ ก็กลายเป็นคนเก็บตัว
- สงกรานต์ กทม.118 จุด ปิดถนนสีลม 2 วัน 13-14 เม.ย.
- "สงกรานต์" นี้มีเงินใช้แน่ แบงก์สำรองเงินสดกว่าแสนล้านบาท
ภาพประกอบข่าว
ฮีลใจยังไงให้หายซึมเศร้าหลังหยุดยาว
ตามหลักจิตวิทยาระบุว่า อาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาวจะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นอาการซึมเศร้าเหล่านี้ก็จะหายไปเอง แต่ถ้าเราอยากให้อาการนี้หายไปเร็วขึ้น ลองมาทำวิธีเหล่านี้กัน
- นับถอยหลังวันหยุดครั้งหน้าในทริปต่อไป หากเรามีความสุขกับการไปเที่ยวในวันหยุด ให้เราตั้งเป้าสำหรับทริปถัดไป วางแผนว่าจะไปที่ไหน ไปกี่วัน เพื่อเป็นเป้าหมายในการทำงานต่อไป
- ออกกำลังกายช่วยได้ ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟิน ให้เรามีความสุข ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ นอกจากนั้นยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
- ฟื้นฟูร่างกายแต่เนิ่นๆ บางคนใช้ร่างกายอย่างหนักในช่วงวันหยุด ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ให้เลือกกินอาหารจำพวกโปรตีนปราศจากไขมัน เช่น เนื้อสัตว์ ไก่ ปลา ผลไม้และผักสด จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาพร้อมทำงานอีกครั้ง
6 วิธี รับมือและป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว จากกรมสุขภาพจิต
1. หาแรงจูงใจในการไปทำงาน
ตั้งเป้าหมายความก้าวหน้าในการทำงาน เช่น การได้ขึ้นเงินเดือน โบนัส เป็นต้น
2. การสร้างคุณค่าในการทำงาน
มองหาข้อดีของการทำงาน เช่น การมีทักษะเฉพาะเพิ่มมากขึ้น มีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน
3. อยู่กับปัจจุบัน
วางแผนการทำงานแล้วจะเห็นเหตุผลที่ต้องทำงานในแต่ละวัน
4. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน
เปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้สร้างสรรค์มากขึ้น ท้าทายตัวเอง แล้วยังทำให้รู้สึกสนุกกับการทำงาน
5.หาเพื่อนรู้ใจและทีมในการทำงาน
หาเพื่อนคู่หูในการทำงาน หรือ สร้างทีมเพื่อทำงานสมบูรณ์แบบมีประสิทธิภาพบรรลุตามเป้าหมาย
6. วางแผนเที่ยวในวันหยุดครั้งต่อไป
การวางแผนเที่ยวในวันหยุดยาวครั้งต่อไป ทำให้เกิดความรู้สึกมีไฟในการทำงานให้เสร็จ และมีใจที่สดใสเพื่อรอไปเที่ยวในวันหยุด
สำหรับใครที่รู้สึกกังวลมาก จนส่งผลต่ออารมณ์และการใช้ชีวิตประจำวัน
สามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต ได้ที่เบอร์ 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
- มากกว่า "สาดน้ำ" สงกรานต์ทั่วโลกเขาสาดอะไรกัน ?
- เรื่องเล่าตำนาน "วันสงกรานต์" กับ "ประเพณีสงกรานต์" ใน 4 ภูมิภาค
ภาพประกอบข่าว
ที่มา : คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.)