ตรวจสอบทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วมพิษณุโลก
หลังชาวหนองพยอม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ร้องเรียนว่า มีผู้นำชุมชนเรียกเก็บเงินจากผู้ประสบอุทกภัยครอบครัวละ 100 บาท เป็นค่าทำเรื่องเสนอขอรับเงินช่วยเหลืออุทกภัย รายละ 5,000 บาท นายรัชพงศ์ ศิริมี ปลัดอำเภอบางระกำ เรียกชาวบ้านหนองพยอมเข้าร่วมการสอบสวน เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง
กลุ่มผู้ประสบภัย 57 คน อ้างว่าร่วมกันจ่ายเงินคนละ 100 บาท ให้กับผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง แต่เป็นข้อสรุปจากการทำประชาคมของชาวบ้าน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และจัดทำเอกสาร โดยไม่ทราบว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงทำบันทึกนำเสนอต่อนายอำเภอเพื่อพิจารณา
นายอำพน วงศ์ศิริ รักษาการเลขาธิการสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า คำชี้แจงของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พบว่าเบิกจ่ายงบประมาณด้านภัยพิบัติสูงเกินจริง เข้าข่ายต้องสงสัยว่าอาจทุจริตและพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบซ้ำ แต่เมื่อมติคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เมื่อวานนี้ ให้มีผลบังคับใช้ ในวันที่ 1 ตุลาคม ส่งผลให้เกิดสูญญากาศในองค์กร แต่อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบ
ส่วนจังหวัดน่าน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม บ้านดอนศรีเสริม เขตเทศบาลเมืองน่าน เรียกร้องให้ทางจังหวัดจ่ายเงินช่วยเหลือ จากเหตุน้ำท่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่รายชื่อตกหล่นจึงยังไม่ได้รับเงิน ขณะที่ชาวเทศบาลเมืองน่านที่ไม่มีรายชื่อได้รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกกว่า 100 คน จากผู้ประสบภัยทั้งหมด 3,800 คน ทยอยนำเอกสารไปยื่นต่อกรรมการชุมชนอีกครั้งเพื่อเร่งรวบรวมให้แล้วเสร็จ
นายธวัช เพชรวีระ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน กล่าวว่า รายชื่อที่ตกหล่น อาจจะเป็นเพราะเอกสารไม่ครบ หรือลักษณะความเสียหายไม่เข้าตามหลักเกณฑ์พิจารณาช่วยเหลือ ซึ่งได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ส่วนชาวตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อนกว่า 1,500 ครอบครัว ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ เพราะรายชื่อตกหล่นจากปัญหาทางระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อถึงเวลาจ่ายเงิน ทำให้ชาวบ้านทั้งตำบลไม่มีชื่อรับเงิน ขณะนี้ทางจังหวัดทำเรื่องขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาหางบประมาณประมาณ 7.6 ล้านบาท ไปจ่ายชดเชยผู้ประสบภัย