ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"แกงขี้เหล็ก" ยิ่งกิน ยิ่งอุ่น เสริมภูมิต้านทานช่วงเปลี่ยนฤดู

ไลฟ์สไตล์
19 พ.ค. 68
15:05
133
Logo Thai PBS
"แกงขี้เหล็ก" ยิ่งกิน ยิ่งอุ่น เสริมภูมิต้านทานช่วงเปลี่ยนฤดู
อ่านให้ฟัง
09:15อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เมื่อฤดูกาลเปลี่ยน อากาศเย็นลง ร่างกายอาจอ่อนแอ "แกงขี้เหล็ก" เมนูอาหารพื้นบ้านของไทย รสขมกลมกล่อม ไม่เพียงแค่รสชาติที่ลงตัว แต่ยังอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงเลือด และอบอุ่นร่างกายให้พร้อมรับมือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

"แกงขี้เหล็ก" เมนูอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนทุกภูมิภาคมานานแสนนาน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือมื้ออาหารในครอบครัว แกงขี้เหล็กมักปรากฏตัวในฐานะเมนูดาวเด่นที่มีทั้งรสชาติเฉพาะตัวและคุณค่าทางโภชนาการ ตามข้อมูลจากวิกิพีเดีย แกงขี้เหล็กเป็นแกงกะทิที่ใช้ ใบ ดอกอ่อน ของต้นขี้เหล็ก (Senna siamea) เป็นส่วนผสมหลัก ผสมผสานกับเนื้อสัตว์ เช่น ปลาย่างหรือหมูย่าง เครื่องแกงที่โขลกรวมพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ กระชาย และกะปิ และยังมีสูตรแกงขี้เหล็กอร่อยอีกแบบ ด้วยการไม่ใส่กะทิ แต่ใช้ปลาร้าเพิ่มความหอมและรสเค็มแทน

ความพิเศษของแกงขี้เหล็กไม่ได้อยู่แค่รสชาติ แต่ยังเป็นการสะท้อนภูมิปัญญาไทยในการใช้ผักพื้นบ้านที่มีคุณสมบัติทางยา ตามบทความจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล การเตรียมแกงขี้เหล็กต้องผ่านขั้นตอนพิถีพิถัน เช่น การต้มใบและดอกขี้เหล็กเพื่อลดความขมและกำจัดสารที่อาจเป็นพิษ ซึ่งเป็นวิธีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เมนูนี้ไม่เพียงอร่อยแต่ยังปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ การที่แกงขี้เหล็กยังคงได้รับความนิยมในชุมชนชนบทและเริ่มกลับมาฮิตในเมือง แสดงให้เห็นถึงพลังของอาหารพื้นบ้านที่ไม่เคยล้าสมัย

"ขมเป็นยา" คุณค่าทางโภชนาการซ่อนใน "ใบขี้เหล็ก"

ใบและดอกขี้เหล็กมีรสขม แต่เมื่อปรุงเป็นแกงแล้ว รสชาตินั้นกลายเป็นความกลมกล่อมที่ลงตัว ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น ใบขี้เหล็กมี โปรตีน วิตามินบี 2 และ ธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง หากใช้ดอกอ่อนขี้เหล็ก จะได้ วิตามินเอ ในปริมาณสูง ซึ่งดีต่อสายตาและระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใยอาหารในใบขี้เหล็กช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ทำหน้าที่เป็นยาระบายอ่อน ๆ และดูดซับสารพิษในลำไส้

จากแหล่งข้อมูลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดอกขี้เหล็กมี วิตามินซีสูงถึง 484 มก. ต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าผักผลไม้ไทยหลายชนิด ทำให้เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นยอดที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดระยะเวลาเป็นหวัด เว็บไซต์ Medthai ระบุว่า ขี้เหล็กมีสาร "บาราคอล" (Baracol) ที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทและเป็นยานอนหลับอ่อน ๆ ช่วยให้หลับสบาย อย่างไรก็ตาม การบริโภคต้องปรุงให้ถูกวิธี โดยต้มใบขี้เหล็กและเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้งเพื่อลดความขมและสารที่อาจเป็นอันตรายต่อตับ

สารอาหารในใบขี้เหล็ก ธรรมชาติที่สร้างมาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ได้แก่

  • โปรตีน ธาตุเหล็ก : ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทำงานที่มักขาดธาตุเหล็กโดยไม่รู้ตัว
  • วิตามินบี 2 ไนอาซิน : บำรุงระบบประสาท ลดอาการเหน็บชา บำรุงสมอง และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
  • แคลเซียม ฟอสฟอรัส : ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
  • วิตามินเอจากดอกขี้เหล็ก : มีบทบาทต่อระบบภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อ และปกป้องเยื่อบุผิวต่าง ๆ เช่น จมูก ตา และปาก
  • ใยอาหาร : ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ขับสารพิษ ลดการสะสมของของเสียในลำไส้ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งด้วย "แกงขี้เหล็ก"

ช่วงเปลี่ยนฤดู โดยเฉพาะหน้าร้อนเข้าหน้าฝน หน้าฝนเข้าหน้าหนาว อากาศที่เริ่มเย็นลง อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ป่วยง่าย โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และผิวหนัง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้บริโภคอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ และใช้ผักพื้นบ้านตามฤดูกาล เช่น ดอกขี้เหล็กและยอดมะขาม ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านโรคหวัด แกงขี้เหล็กจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะนอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน เช่น ข่า ตะไคร้ และพริก ที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายอบอุ่น

ในมุมมองสากล WHO ระบุว่า การบริโภคอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น วิตามินซีและธาตุเหล็ก ช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของแกงขี้เหล็ก นอกจากนี้ การศึกษาจากศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย (TTMIC) ระบุว่า ผักใบเขียวอย่างขี้เหล็กมีคลอโรฟิลและไฟเบอร์ ช่วยลดการอักเสบของผิวและบำรุงระบบทางเดินอาหาร ทำให้แกงขี้เหล็กเป็นเมนูที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันหวัดและดูแลสุขภาพผิวในช่วงอากาศเย็น

สรรพคุณ "แกงขี้เหล็ก" ตามตำราแพทย์แผนไทย

  • บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ลดการอักเสบของเส้นเลือด
  • บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น
  • แก้โรคเครียด นอนไม่หลับ
  • ช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติ โดยไม่ทำให้ปวดบิดเหมือนยาถ่าย
  • ลดพิษไข้ ปรับสมดุลร่างกาย

เคล็ดลับลดความขมของ "ใบขี้เหล็ก"

การปรุงแกงขี้เหล็กให้อร่อยและปลอดภัยต้องอาศัยความพิถีพิถัน ข้อมูลจาก Greenery.org การเตรียมใบขี้เหล็กต้องเริ่มจากการเลือกยอดอ่อนหรือใบขนาดกลาง นำไปต้มในน้ำเกลือเพื่อลดความขม แล้วเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง จากนั้นบีบให้แห้งก่อนนำไปแกง วิธีนี้ไม่เพียงลดรสขม แต่ยังกำจัดสารที่อาจเป็นพิษต่อตับ เช่น สารในกลุ่มโครโมน ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากหรือไม่ปรุงให้ถูกวิธี อาจทำให้ตับอักเสบได้

ยายมาลี วัย 70 ปี ผู้ชื่นชอบการทำอาหารพื้นบ้านทั่วไป แนะนำการลดความขมใบขี้เหล็กแบบง่าย ๆ ที่ทำกันเองได้ทุกบ้าน และเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดค้นกันมานานหลายสิบปี 

เคล็ดลับคือ ต้ม 2 น้ำ ลวกใบขี้เหล็กในน้ำเดือด แล้วเทน้ำทิ้ง ต้มอีกครั้งจนนุ่ม แล้วจึงนำไปแกง เครื่องแกงที่ใส่ก็มี พริก หอมแดง ตะไคร้ และกะทิ จะช่วยกลบรสขม ให้ความกลมกล่อมลงตัว เครื่องแกงที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน กระตุ้นเลือดไหลเวียน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ไม่รู้สึกเหน็บหนาวง่าย ๆ

ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ก็ยังมีการทำแกงขี้เหล็กแบบไม่ใส่กะทิ แต่เพิ่มความหอมด้วยน้ำปลาร้าและสมุนไพร เช่น ใบมะกรูดและข่า ทำให้ได้รสชาติที่จัดจ้านและอบอุ่น ส่วนสูตรทั่วไปที่มีกะทิ ต้องโขลกเครื่องแกงให้ละเอียดและเคี่ยวกะทิให้แตกมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมันกลมกล่อม การปรุงที่ถูกวิธีไม่เพียงทำให้แกงอร่อย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ครบถ้วน 

เพื่อให้แกงขี้เหล็กเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน กรมอนามัยแนะนำให้ยึด โภชนบัญญัติ 9 ประการ เช่น รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ กินร่วมกับข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อเพิ่มใยอาหาร กินเคียงกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู หรือผักต้ม เพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ เน้นผักและผลไม้ กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวและร่างกาย หากรับประทานแกงขี้เหล็กที่มีกะทิ ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันอื่นในมื้อนั้น และกินผักสดอย่างน้อย 2 ทัพพีต่อมื้อเพื่อเพิ่มใยอาหาร

นอกจากการกินอาหารที่ดี วิถีชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนฤดู 

รู้หรือไม่ : "ต้นขี้เหล็กบ้าน" เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ

อ่านข่าวอื่น :

ไทยพีบีเอส คว้า 3 รางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ 16

รวบแล้ว 1 ผู้ต้องสงสัยอุ้มฆ่า "ดีเจเตเต้" จ่อออกหมายจับอีก 3 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง