ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศาลฎีกาให้ กทม.จ่ายค่าจอด "รถ-เรือดับเพลิง" 212 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

อาชญากรรม
20:30
72
ศาลฎีกาให้ กทม.จ่ายค่าจอด "รถ-เรือดับเพลิง" 212 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
ศาลฎีกาให้ กทม.จ่ายค่าจอดรถ-เรือดับเพลิง 212 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย แก่ บ.นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน)

วันนี้ (27 พ.ย.2568) น.ส.พิมพ์กาญจน์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บ.นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ออกเอกสารถึง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ผลคำพิพากษาศาลฎีการะหว่างบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) กับ กรุงเทพมหานคร โดยมีเนื้อหา ดังนี้

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ได้ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร ("กทม.") ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ กค 136/2560 เพื่อให้กรุงเทพมหานครชำระค่าภาระยกขนสินค้าและค่าภาระฝากสินค้าให้กับบริษัท และค่าเคลื่อนย้ายรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำออกจากท่าเทียบเรือของบริษัท โดยมีจำนวนทุนทรัพย์ถึงวันฟ้อง 1,040,809,382 บาท

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 สาระสำคัญสรุปได้ว่า การที่รถดับเพลิงมาขึ้นที่ท่าเรือของบริษัทซึ่งเป็นผู้ให้บริการเป็นการส่งมอบไว้ให้บริษัทเพื่อให้ กทม.ในฐานะผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายมารับไปจากทั้งนี้ เมื่อบริษัทได้รับคำสั่งโดยชอบให้คืนรถดับเพลิงแก่ผู้ใดก็จะคืนแก่ผู้นั้นพร้อมกับรับชำระค่าภาระต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 665 วรรคหนึ่ง โดยบริษัทมีสิทธิ์ยึดหน่วงรถดับเพลิงไว้จนกว่าจะได้รับชำระค่าภาระต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 670 ปรากฏว่า กทม.ไม่ได้เป็นผู้นำสินค้าดังกล่าวมามอบให้กับบริษัทแต่เป็นตัวแทนสายเรือแห่งหนึ่งเพื่อให้บริษัทเก็บรักษาไว้เพื่อส่งมอบแก่ผู้ที่นำใบตราส่งและใบส่งมอบสินสินค้า กทม.จึงไม่ใช่คู่สัญญาตามสัญญาฝากทรัพย์กับบริษัท ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องบริษัท

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฯ และในวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษา สรุปความได้ว่า ให้ กทม.ชำระเงินค่าภาระทั้ง 3 รายการ และภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,040,809,382 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 972,719,049 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 26 กรกฎาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัท กับค่าภาระฝากสินค้าขาเข้าเป็นรายวันพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มอีกวันละ 272,817.90 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 26 กรกฎาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่า กทม.จะนำสินค้าพิพาท (รถดับเพลิง) ทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท โดยกำหนดให้ กทม.ชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาล แทนบริษัท และชำระค่าทนายความแก่บริษัทจำนวน 50,0000 บาท

ทั้งนี้ กทม.ได้เคยฟ้องแย้งว่า บริษัทไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถดับเพลิงอันเป็นยุทธภัณฑ์เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้มียุทธภัณฑ์ในการครอบครอง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีการพิพากษายกฟ้องแย้ง และยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ กทม. ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฯ เดิม กทม.ได้ขออนุญาตฎีกา

ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในวันนี้ ให้ กทม.ชำระเงินจำนวน 212,534,238.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 198,630,129 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 กรกฎาคม 2560) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยใหม่โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาก็ให้ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ไปตามพระราชกฤษฎีกาบวกด้วย อัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อไป แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อไป ตามที่โจทก์ขอ เมื่อจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ครบถ้วนแล้วให้โจทก์ส่งมอบรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำพิพาทแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องและฟ้องแย้งขั้นฎีกา ให้เป็นพับ

อ่านข่าว : ย้อนคดี "รถ-เรือดับเพลิง" หลังศาลสั่งทายาท "สมัคร" ชดใช้ 587 ล้าน 

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง 4 ขรก.คดีทุจริตซื้อรถดับเพลิง กทม. 6 พันล้าน  

ทิ้งร้างเกือบ 10 ปี กทม.เตรียมทุ่มงบฯ ซ่อมรถ-เรือดับเพลิง คาดใช้ 180 ล้าน บ.