ขณะที่ปมการสนทนากับผู้นำตัวจริงของกัมพูชา สมเด็จ ฮุน เซนนั้น กำลังเป็นประเด็นร้อน และเกิดปมคำถามมากมาย
อีกเรื่องหนึ่ง คือผลจากการถอนยวงของพรรคภูมิใจไทย ทำให้เสียงพรรคร่วมรัฐบาลเหลือเพียง 261 เสียง จาก สส.ทั้งหมด 495 เสียง เกินกว่ากึ่งหนึ่งเพียง 13-14 เสียง ถือว่าปริ่มน้ำมากสำหรับการเมืองไทย
ท่ามกลาง 2 พรรคหลักฝ่ายค้านพรรคประชาชนและพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัดไม่เข้าร่วมรัฐบาล
จึงอาจจะได้เพียงดึง สส.งูเห่าจากพรรคเล็กมาช่วยเป็นกรณีๆไป เพราะต้นสังกัดส่งสัญญาณจะดองยาว ไม่ขับออก
ยังไม่วายเจอเงื่อนไขของพรรคร่วมบางพรรค แม้จะประกาศเดินหน้าสนับสนุนรัฐบาลต่อ
พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอให้เปลี่ยนตัวนายกฯ เป็น นายชัยเกษม นิติศิริ หรืออาจแอบหวังผลักดัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตทนายกฯ ของพรรคใหญ่อันดับ 2 ของรัฐบาล
แต่ล่าสุด เจอฤทธิ์เดช 18 สส.กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น ค้านมติเปลี่ยนตัวนายกฯ ที่กลุ่มนายพีระพันธุ์ อ้าง
พรรคประชาธิปัตย์ยังแทงกั๊ก จะให้หัวหน้าพรรคไปคุยกับแกนนำรัฐบาล ไม่ต่างจากพรรคชาติไทยพัฒนา
จึงถูกวิพากษ์จากกูรูการเมืองว่า เป็นเรื่องข้ออ้างหวังมีเจรจาใหม่ เปลี่ยนกระทรวง หรือขอเพิ่มรัฐมนตรี
ส่วนพรรคร่วมอื่น ๆ ก็แอบหวังลุ้นได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มหลังมีข่าวหนาหูวงในว่า เพื่อไทยจะสวมบท “ใจป๋า” ยึดเฉพาะมหาดไทย ส่วนเก้าอี้อื่น ๆ ให้พรรคร่วมรัฐบาลแบ่งกัน
เนื่องจากเกรงจะถูกลอยแพจากพรรคอื่น จึงต้องเสนอเงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เพราะเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่หากหวังจะเป็นรัฐบาลและมีอำนาจเต็ม เพื่อยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด จึงค่อยยุบสภา หากสถานการณ์บีบรัดไปต่อไม่ได้
แต่ต้องให้งบประมาณปี 69 ผ่านสภาฯ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร อย่างน้อยผ่านวาระแรกไปก่อน
รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้นำเหล่าทัพและกระทรวงมหาดไทยประจำปีให้เสร็จสิ้น และอาจรวมทั้งผลเจรจาเรื่องกำแพงภาษีทรัมป์
แต่ทางพรรคร่วม ก็ใช่ว่าจะถือไพ่ในมือสูงกว่าพรรคเพื่อไทย การเสนอเงื่อนไขต่าง ๆ ไม่แคล้วถูกมองว่า เพื่อหวังผลเรื่องเจรจาต่อรองเท่านั้น
แต่ไม่มีพรรคไหนกล้าจะถอนตัวออ เพราะไม่อยากไปเป็นฝ่ายค้าน
อีกทั้งยังไม่มีพรรคไหนอยากกลับไปสู่สนามเลือกตั้งในช่วงนี้ ด้วยยังไม่พร้อมเรื่องปัจจัย และยังต้องเจอคู่แข่งที่เชื่อว่ามาแรง อย่างพรรคคประชาชน
ดังนั้น ปัจจัยที่เชื่อว่าจะมีผลต่อการเดินหน้าของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย น่าจะอยู่ที่เรื่องพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชามากกว่า
ยิ่งเรื่องเอฟเฟ็คท์ ต่อเนื่องจากคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่ตอนนี้ ขยายผลไปไกลถึง “ความลับ” ที่ผู้นำกัมพูชาอาจกำอยู่ในมือ และเริ่มนำมาเปิดเป็น “หนังตัวอย่าง”พาดพิงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองบางคน
และหากเป็นไปตามที่สำนักข่าวอัลจาซีรานำเสนอ คำสั่งอ้างว่าเป็นของสมเด็จฮุน เซน สั่งไล่ล่าคนเป็นศัตรูการเมืองที่หนีมาอยู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
ยกกรณีนายลิม คิมยา สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาที่ถูกสังหารในประเทศไทย และอ้างว่ามีตำรวจไทยให้การช่วยเหลือ
ระบุชัดว่าตัวการคนสำคัญ ที่รับคำสั่ง คือ “ฮวด” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ "ล่าม" ที่ทำหน้าที่แปลบทสนทนาระหว่างนายกฯ อิ๊งค์กับสมเด็จฮุน เซน
ส่อเค้าจะยุ่งและโยงกันนัวเนีย หากมีขยายผลเพิ่มเติม
ยังไม่นับความลับอื่นของคนดังฝั่งไทยในมือสมเด็จฮุนเซ็น
จะนอนสะดุ้งกันระนาวล่ะทีนี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ "8 รัฐมนตรีภูมิใจไทย" ลาออกจากตำแหน่ง
นักวิชาการชี้ล่ามแปล "ถ้อยคำ-น้ำเสียง" มีผลเข้าใจคลาดเคลื่อน
สื่อต่างชาติจับตา คลิปเสียงหลุด 2 ผู้นำ ผลักรัฐบาลไทยสู่ขอบเหว