วันนี้ (14 ก.ค.2568) CNN รายงาน ราคาบิตคอยน์ได้พุ่งขึ้น โดยทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 122,571 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยและซื้อขายอยู่ที่ 121,953 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงปรับตัวขึ้นร้อยละ 2.4
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นคือ ความคาดหวังของนักลงทุนต่อการผ่านกฎหมายที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ในวันเดียวกันนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีกำหนดจะอภิปรายชุดร่างกฎหมายที่จะวางกรอบการกำกับดูแลที่อุตสาหกรรมนี้เรียกร้องมานาน ความต้องการเหล่านี้ได้รับการตอบรับจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเรียกตัวเองว่า "ประธานาธิบดีคริปโต" และได้เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม
โทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจาก IG กล่าวว่า บิตคอยน์กำลังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่แข็งแกร่งจากสถาบัน ความคาดหวังว่าจะมีการปรับตัวขึ้นอีก และการสนับสนุนจากทรัมป์ นักวิเคราะห์ยังให้ความเห็นว่า "เป็นการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งมากในช่วง 6-7 วันที่ผ่านมา และยากที่จะเห็นว่ามันจะหยุดลงตรงไหนในตอนนี้ ดูเหมือนว่าสามารถแตะระดับ 125,000 ดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย
ปัจจุบัน บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ระดับสูงกว่า 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากช่วง คริปโตวินเทอร์ (Crypto winter) ในปี 2565 และมีการปรับตัวขึ้นถึงร้อยละ 29 แล้วในปีนี้
การทะยานขึ้นของบิตคอยน์ได้จุดประกายให้เกิดการปรับตัวขึ้นในวงกว้างของสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดย อีเธอร์ (Ether) ซึ่งเป็นโทเคนขนาดใหญ่อันดับ 2 ได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือนที่ 3,059.60 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ XRP และ Solana ก็ปรับตัวขึ้นประมาณร้อยละ 3 เท่ากัน ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่ามูลค่าตลาดรวมของภาคส่วนนี้พุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 3.81 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
เกรซี ลิน ซีอีโอของ OKX ประจำสิงคโปร์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจและกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดคือ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าบิตคอยน์กำลังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์สำรองระยะยาว ไม่ใช่แค่โดยนักลงทุนรายย่อยและสถาบันเท่านั้น แต่รวมถึงธนาคารกลางบางแห่งด้วย พร้อมยังกล่าวเสริมว่า "กำลังเห็นการเข้าร่วมที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนในเอเชีย และผู้จัดการความมั่งคั่ง"
สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งถึง บทบาทของบิตคอยน์ในระบบการเงินโลก และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในมุมมองที่คนมีต่อเงินดิจิทัล ซึ่งบ่งชี้ว่า นี่ไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นที่เกิดจากกระแสความนิยมอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ วอชิงตันได้ประกาศให้สัปดาห์ของวันที่ 14 ก.ค. เป็น "สัปดาห์คริปโต" (Crypto week) ซึ่งสมาชิกสภาคองเกรสมีกำหนดจะลงคะแนนเสียงในร่างกฎหมาย Genius Act, Clarity Act และ Anti-CBDC Surveillance State Act โดยร่างกฎหมายที่สำคัญที่สุดคือ Genius Act ซึ่งจะสร้างกฎระเบียบของรัฐบาลกลางสำหรับ Stablecoin
อ่านข่าวอื่น :
ไขข้อข้องใจเหตุใด "สตรีเป็นศัตรูของพรหมจรรย์" ในพุทธศาสนา
แผ่นดินไหวเมียนมา ขนาด 5.2 ห่างแม่สาย 132 กม.รู้สึกสั่นไหวหลายพื้นที่