วันนี้ (29 ก.ค.2568) สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือยังคงรุนแรง โดยเฉพาะจังหวัดสุโขทัย ตาก เชียงราย และพะเยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำล้นตลิ่ง ส่งผลให้บ้านเรือน พื้นที่เกษตร และโครงสร้างพื้นฐานเสียหายหนัก
จ.สุโขทัย ใน อ.ศรีสำโรง น้ำจากแม่น้ำยมไหลท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะที่ตำบลวังใหญ่และตำบลทับผึ้ง ซึ่งพนังกั้นน้ำแตกเป็นระยะทางกว่า 20-30 เมตร ทำให้น้ำท่วมสูงถึงระดับอกในบางจุด ชาวบ้านต้องอพยพข้าวของขึ้นที่สูงและย้ายไปพักริมถนนทางหลวง 1195 ซึ่งปิดการจราจรบางช่วงจากน้ำท่วมและถนนขาด
ชาวบ้านในชุมชนปากแคว ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย เผชิญวิกฤตเมื่อน้ำท่วมสูง 30-50 ซม. และกระแสน้ำแรงกัดเซาะคันดินและบันไดบ้านจนทรุด เช่น กรณีคุณยายในหมู่ 4 ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยอพยพออกจากบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัย ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่แตกซ้ำซากให้แข็งแรงขึ้น
ใน อ.ศรีสัชนาลัย ระดับน้ำที่บ้านแม่สำเหนือลดลงเหลือ 8.31 เมตร แต่กระแสน้ำยังไหลแรงที่ 1,259 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ น้ำสูง 11.50 เมตร เกินตลิ่ง 1 เมตร ทำให้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ จ.ตาก ที่ อ.ท่าสองยาง เกิดเหตุดินถล่มทับคนงาน นายตะเคาะ อายุ 30 ปี ที่อู่รถยนต์ในบ้านแม่ต้าน หมู่ 2 หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 2 วัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิศูนย์กู้ภัยเพชรเกษมเร่งช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ท่าสองยาง แต่การลำเลียงล่าช้าเนื่องจากต้นไม้ล้มและดินสไลด์ขวางเส้นทาง ซึ่งแขวงทางหลวงตากต้องเคลียร์พื้นที่
ใน อ.แม่สอด แม่น้ำเมยล้นตลิ่งท่วมตลาดริมเมย ต.ท่าสายลวด พ่อค้าแม่ค้าต้องเก็บของหนีน้ำหลังเพิ่งกลับมาเปิดร้านได้ไม่นาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตากเตือนประชาชนในบ้านห้วยม่วง หมู่ 6 บ้านริมเมย หมู่ 2 และบ้านแม่ตาว หมู่ 1 รวมถึงพื้นที่ใกล้แม่น้ำเมยใน 4 อำเภอ ให้ระวังน้ำท่วมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จ.เชียงราย ที่ อ.แม่สาย ระดับน้ำในแม่น้ำสายลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ทำให้น้ำในชุมชนต่าง ๆ เช่น ตลาดสายลมจอย เริ่มลดลง กรมการทหารช่างนำรถตักเคลียร์โคลนและทรายที่มากับน้ำท่วม เพื่อเปิดเส้นทางให้หน่วยงานทำความสะอาด แต่โคลนและทรายยังเป็นอุปสรรคใหญ่ในการฟื้นฟูพื้นที่
จ.พะเยา กว๊านพะเยามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 42 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 55 ล้าน ลบ.ม. แม้มีการระบายน้ำวันละ 7.5 ล้าน ลบ.ม. แม่น้ำอิงล้นตลิ่งท่วมพื้นที่เกษตรเป็นวงกว้าง ทำให้ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่และหน่วยงานท้องถิ่นในทุกจังหวัดกำลังเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝนตกหนักยังมีแนวโน้มเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ภาคเหนือ
อ่านข่าวอื่น :