ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"หะยีสุหลง" 71 ปี แห่งปริศนา บาดแผล ความหวังที่ยังไม่เลือนหาย

การเมือง
16:28
79
"หะยีสุหลง" 71 ปี แห่งปริศนา บาดแผล ความหวังที่ยังไม่เลือนหาย
อ่านให้ฟัง
12:21อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ครบ 71 ปีแห่งการสูญหายอย่างลึกลับของ "หะยีสุหลง" และผู้ใกล้ชิดรวม 4 คน ในปี พ.ศ.2497 ไม่ใช่เพียงโศกนาฏกรรมส่วนบุคคล แต่คือรอยร้าวลึกในประวัติศาสตร์ไทยที่ยังคงส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน และสะท้อนบาดแผลแห่งความยุติธรรมที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา

13 ส.ค.2568 ครบรอบ 71 ปีแห่งการหายตัวไปอย่างลึกลับของ "หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ โต๊ะมีนา" บุรุษผู้เป็นทั้งอิหม่าม นักการศึกษา นักกิจกรรม และนักการเมือง ผู้ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องราวของเขาไม่ใช่เพียงอดีต แต่ยังคงสะท้อนความตึงเครียดของความขัดแย้งที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน

"หะยีสุหลง" เกิดในปี พ.ศ.2438 ที่กัมปงอานูรู ปัตตานี ในครอบครัวผู้นำทางศาสนา เขามีโอกาสเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะตั้งแต่อายุ 12 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องพิเศษสำหรับคนในยุคนั้น ที่เมกกะ เขาได้ศึกษาศาสนาและได้รับอิทธิพลจากนักวิชาการอาหรับผู้มีแนวคิดปฏิรูป ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการปฏิรูปศาสนาอิสลามในยุคนั้นที่มุ่งบูรณาการการเรียนรู้ทางศาสนาเข้ากับวิชาทางโลก เช่น วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หะยีสุหลงได้ยึดแนวคิดสายปฏิรูปนิยม (Modernist) ที่นำโดยมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ประเทศอียิปต์

หลังจากภรรยาและบุตรเสียชีวิต "หะยีสุหลง" ตัดสินใจเดินทางกลับปัตตานี เขารู้สึกผิดหวังกับแนวทางการปฏิบัติศาสนาอิสลาม ในท้องถิ่นที่ยังคงปะปนกับความเชื่อและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์

ด้วยความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ เขาจึงเริ่มต้นปฏิรูปการศึกษา เริ่มสอนส่วนตัวตามมัสยิดต่าง ๆ แม้จะได้รับการต่อต้านจากครูสอนศาสนารุ่นเก่าที่มองว่าแนวทางของเขาเป็นแบบวะฮาบีย์ แต่หะยีสุหลงเชื่อมั่นในการผสมผสานการศึกษาทางโลกเข้ากับการศึกษาศาสนา

เขาก่อตั้งระบบมัดราซะฮ์ขึ้น เพื่อทำให้การศึกษาศาสนาเป็นระบบมากขึ้น มีหลักสูตรที่บูรณาการวิชาทางโลก แม้รัฐบาลไทยจะมองว่าการศึกษาระบบนี้ขัดขวางการรวมกลุ่มชาวมลายูเข้ากับชาวไทยส่วนใหญ่ แต่หะยีสุหลงก็สามารถสร้างความก้าวหน้าในการพัฒนาระบบการศึกษาได้

หะยีสุหลง ผู้นำทางจิตวิญญาณและมีความรู้ด้านดาราศาสตร์ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

หะยีสุหลง ผู้นำทางจิตวิญญาณและมีความรู้ด้านดาราศาสตร์ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

หะยีสุหลง ผู้นำทางจิตวิญญาณและมีความรู้ด้านดาราศาสตร์ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

ผู้นำทางการเมือง-ข้อเรียกร้อง 7 ประการ

ความท้าทายในการปฏิรูปการศึกษาและนโยบาย "รัฐนิยม" ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเน้นอัตลักษณ์ไทยพุทธ ภาษาไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้หะยีสุหลงหันสู่การเมือง

เขาเห็นว่านโยบายนี้กีดกันชาวมลายูมุสลิม โดยเฉพาะการบังคับให้ใช้ภาษาไทยในโรงเรียนและห้ามสอนศาสนาอิสลาม เขาเรียกร้องให้ภาษามาลายูเป็นภาษาราชการควบคู่ภาษาไทย และให้มีการสอนศาสนาอิสลามในโรงเรียน

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลนายกรัฐมนตรีปรีดี พนมยงค์ มีแนวคิดให้สิทธิปกครองตนเองบางส่วนแก่ภาคใต้ ผ่าน  พ.ร.บ.อุปถัมภ์ศาสนาอิสลาม ซึ่งยอมรับบทบาทผู้นำศาสนา หะยีสุหลงได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี (PICP)

ในฐานะผู้นำของ PICP หะยีสุหลงได้ร่าง "ข้อเรียกร้อง 7 ประการ" เพื่อเสนอต่อรัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2490 สะท้อนถึงความปรารถนาที่จะให้ภาคใต้ของไทยถูกปกครองโดยคนในท้องถิ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวปาตานี โดยมีสาระสำคัญคือ

  1. แต่งตั้งผู้ปกครอง ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดใน 4 จังหวัด (ปัตตานี สตูล ยะลา นราธิวาส) ต้องเป็นมุสลิมท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง และมีอำนาจสมบูรณ์ทั้งทางศาสนาอิสลามและการแต่งตั้ง/ถอดถอนข้าราชการ
  2. สัดส่วนข้าราชการร้อยละ 80 ในแต่ละแผนกของ 4 จังหวัด ต้องเป็นชาวมาลายู (หรือมุสลิม)
  3. ภาษาราชการ ให้ใช้ภาษามาลายูคู่กับภาษาไทยในเอกสารราชการ
  4. การศึกษา จัดให้มีการศึกษาภาษามาลายูตลอดชั้นประถม
  5. ศาลอิสลาม ให้มีศาลอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีอำนาจพิจารณาคดีตามกฎหมายอิสลาม
  6. ภาษีท้องถิ่น รายได้และภาษีที่เก็บได้จาก 4 จังหวัด ต้องนำมาใช้จ่ายภายในพื้นที่เท่านั้น
  7. คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม โดยความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจสูงสุด (ตามข้อ 1)

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องเหล่านี้ โดยอ้างว่าระบบที่มีอยู่เพียงพอแล้ว และข้อเรียกร้องดังกล่าวยังถูกมองว่าเป็น "การแบ่งแยกการปกครอง" และชาวมลายูบางส่วนก็ไม่สนับสนุน เกรงกระทบสถานะเดิม ทำให้ข้อเรียกร้องไม่สำเร็จ

นิทรรศการองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์อิสลาม ในงานครบรอบ 71 ปีการจากไปของ หะยีสุหลง

นิทรรศการองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์อิสลาม ในงานครบรอบ 71 ปีการจากไปของ หะยีสุหลง

นิทรรศการองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์อิสลาม ในงานครบรอบ 71 ปีการจากไปของ หะยีสุหลง

หายตัวปริศนา มรดกแห่งการต่อสู้ครอบครัว "โต๊ะมีนา"

หลังความเพิกเฉยของรัฐต่อข้อเรียกร้อง 7 ประการ หะยีสุหลงเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป และเรียกร้องให้ชาวบ้านในภาคใต้คว่ำบาตรการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2491 เขาได้เข้าร่วมกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งทำให้การกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการกบฏ และเป็นศัตรูของประเทศไทย ต่อมา เขาถูกจับกุมในข้อหาปลุกระดมและเรียกร้องให้คว่ำบาตรการเลือกตั้ง และถูกบังคับให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เป็นระยะ สถานการณ์นี้สร้างความขุ่นเคืองแก่ชาวยาวีและถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิด

ข้อมูลจาก การหายไปของ "หะยีสุหลง" การผูกขาดพื้นที่ความทรงจำ วันที่ 13 ส.ค.2497 หะยีสุหลง พร้อมด้วยบุตรชายคนโต อาหมัด โต๊ะมีนา ผู้ทำหน้าที่ล่าม เพราะคนอื่น ๆ มีปัญหาในการสื่อสารเป็นภาษาไทย และผู้ใกล้ชิดอีก 2 คน ได้แก่ วัน อิสมาน บิน อาหมัด และ หะยีเจ๊ะอิสเฮาะ บินเจ๊ะยูโซ๊ะ ได้รับคำสั่งให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจสงขลา เพื่อเดินทางไปขึ้นศาล แต่หลังจากนั้น พวกเขาทั้ง 4 คนก็หายสาบสูญไป

เด่น โต๊ะมีนา บุตรชายของหะยีสุหลง

เด่น โต๊ะมีนา บุตรชายของหะยีสุหลง

เด่น โต๊ะมีนา บุตรชายของหะยีสุหลง

บทสัมภาษณ์ เด่น โต๊ะมีนา ย้อนรำลึกถึงคุณพ่อ "หะยีสุหลง" ระบุว่าคณะกรรมการสอบสวนภายใต้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี พ.ศ.2501 ได้สรุปว่า หะยีสุหลงและคณะ ถูกสังหารแล้วทิ้งลงทะเลใกล้เกาะหนูเกาะแมว ที่ จ.สงขลา

การหายตัวไปของหะยีสุหลง สร้างความยากลำบากอย่างแสนสาหัสให้กับครอบครัวโต๊ะมีนา "เด่น โต๊ะมีนา" บุตรชาย เล่าถึงช่วงชีวิตที่ต้องตื่นตี 4 ช่วยมารดาทำขนมขาย และได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมุสลิมในนครศรีธรรมราช

ครอบครัวต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้คดี แม้ภายหลังคุณหญิงละเอียด ภริยาจอมพล ป.พิบูลสงคราม จะแนะนำให้เด่นไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ โดยให้คำมั่นว่า จะดูแลค่าใช้จ่าย และยังบอกว่าให้เขาเรียนสูง ๆ คนจะได้ทำอะไรเขาไม่ได้ และ เด่น โต๊ะมีนา ก็เรียนกฎหมายตามที่บิดาปรารถนา และก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง

หะยีอามีน โต๊ะมีนา บุตรชายคนที่ 2 ของหะยีสุหลง

หะยีอามีน โต๊ะมีนา บุตรชายคนที่ 2 ของหะยีสุหลง

หะยีอามีน โต๊ะมีนา บุตรชายคนที่ 2 ของหะยีสุหลง

ครอบครัวโต๊ะมีนายังคงเผชิญกับการคุกคาม "หะยีอามีน โต๊ะมีนา" บุตรชายคนที่ 2 ของหะยีสุหลง ถูกจับกุมในข้อหากบฏเช่นเดียวกับบิดา และถูกขังฟรีอยู่ 4 ปี ก่อนจะถูกปล่อยตัว และต้องหนีไปมาเลเซีย เพื่อเอาชีวิตรอด แม้จะมีแรงกดดันให้เข้าร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่ เด่น โต๊ะมีนา เลือกที่จะต่อสู้ผ่านกระบวนการรัฐสภา

ปัจจุบัน พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา หลานสาวของหะยีสุหลง และเป็น สส. รุ่นที่ 3 ของตระกูลบอกว่า ภาพจำสำหรับปู่ที่ถูกเล่าโดยพ่อ คือ เด่น โต๊ะมีนา และครอบครัว คือ จดหมายจากเรือนจำของปู่ ที่เปลี่ยนชีวิตของครอบครัวไปอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้คุณพ่ออายุกว่า 90 ปีแล้วยังพูดเสมอว่า ไม่รู้ว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นในช่วงที่พ่อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราเองเกิดมากับความรุนแรง 21 ปีแล้ว เรายังไม่เห็นทีท่าว่าจะหยุดได้เลย ถ้าเราไม่เริ่มจากการพูดคุย ใช้ความรุนแรงทั้งสองฝ่าย สันติภาพที่เราพูดถึง ชั่วอายุของตัวเอง ก็อาจไม่เห็นเช่นกัน

พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 แม้ปัจจุบันจะยังไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ทำให้สถิติการสูญหายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า ไม่ง่ายที่จะผลักดันให้เกิดสันติภาพได้ในเร็ววัน เพราะยังมีหลากหลายเรื่องราว มีรากเหง้าของปัญหา มีชุดความคิดอีกมากมายต่อปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้น

พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา หลานสาวของหะยีสุหลง

พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา หลานสาวของหะยีสุหลง

พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา หลานสาวของหะยีสุหลง

ความทรงจำที่ถูกผูกขาด อนาคตที่ยังคลุมเครือ

การหายตัวไปของหะยีสุหลงและผู้ร่วมชะตากรรมอีก 3 คน สะท้อนถึงปัญหา "การอุ้มหาย" ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งแตกต่างจากความสูญเสียอื่น ๆ เพราะเป็นการสูญเสียที่ไม่ชัดเจน และไม่สามารถยืนยันความสูญเสียได้

ปัจจุบันการพูดถึงหะยีสุหลง ยังคงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และทางการยังคงระมัดระวังในการกล่าวถึงบทบาทของเขา ในประวัติศาสตร์ความไม่สงบในภาคใต้ สำหรับบางกลุ่มหะยีสุหลงถูกมองว่าเป็นกบฏ ในขณะที่คนในพื้นที่ยกย่องเขาเป็นวีรบุรุษ

ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และกรณีของหะยีสุหลง ยังคงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า หากไม่มีการเรียนรู้บทเรียนจากอดีต การสร้างสันติภาพที่แท้จริงก็เป็นไปได้ยาก

การเปิดพื้นที่ให้กับประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน และการปลดปล่อยการผูกขาดพื้นที่ความทรงจำ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวไปสู่ความปรองดองที่ยั่งยืน

ตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏอย่างครบถ้วน เรื่องราวของ "หะยีสุหลง" ก็ยังคงเป็นบาดแผลและคำถามที่รอคอยคำตอบอยู่ในใจของผู้คนเสมอมา

แหล่งที่มาข้อมูล : PRIDI Interview: เด่น โต๊ะมีนา ย้อนรำลึกถึงคุณพ่อ ‘หะยีสุหลง’Haji SulongThe Role Of Haji Sulong In Fighting Special Autonomy For Patani Southern Thailand (1947-1954)การหายไปของ ‘หะยีสุหลง’ การผูกขาดพื้นที่ความทรงจำข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับ "ข้อเรียกร้อง 7 ข้อของหะยีสุหลง"

อ่านข่าวอื่น :

"ตรวจเพศนักกีฬา" แข่งขันยุติธรรมหรือทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ?

เปิดคำร้อง 36 สว.ปมคลิปเสียง "แพทองธาร-ฮุนเซน" แจงยิบผิดจริยธรรมข้อใด