ปี 2568 ปีแห่งปรากฏการณ์ท้องฟ้า ท้องฟ้าในปีนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็น "ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี" ห่างจากโลกประมาณ 1,279 ล้านกิโลเมตร "จันทรุปราคาเต็มดวง" ที่ห่างหายไปกว่า 3 ปี (ครั้งล่าสุดวันที่ 7-8 ก.ย. 2568) และอาจรวมถึงการปรากฏของ "ดาวหางเลมมอน (C/2025 A6)" ในเดือนตุลาคม
และในวันที่ 23 กันยายน 2568 เป็น "วันศารทวิษุวัต" วันที่กลางวันและกลางคืนยาวนานเกือบเท่ากัน ชวนมารู้จัก วันศารทวิษุวัตให้มากขึ้น คืออะไร มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
อ่านข่าว : รวมไว้แล้วห้ามพลาด ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ "กันยายน 2568"
รวม 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "วันศารทวิษุวัต"
1. วันศารทวิษุวัต อ่านอย่างไร
วันศารทวิษุวัต หรือ Autumnal Equinox อ่านว่า สา-ระ-ทะ-วิ-สุ-วัด โดย "ศารท" (शारद) เป็นคำภาษาสันสกฤต อ่านว่า สา-ระ-ทะ คำว่า Equinox (อิ-ควิ-นอกซ์) มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน 2 คำ คือ aequus แปลว่า เท่ากัน และ nox แปลว่า กลางคืน ดังนั้นจึงแปลรวมกันว่า "กลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน" ซึ่งตรงกับคำว่า วิษุวัต (विषुवत्) ในภาษาสันสกฤต ที่แปลว่า "จุดราตรีเสมอภาค"
2. กลางวัน = กลางคืน
วันนี้ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้มีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน
3. "วสันตวิษุวัต-ศารทวิษุวัต"
วันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันนี้จะเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อปี คือในช่วง "เริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ" เรียกว่า "วันวสันตวิษุวัต" (Vernal Equinox) ราวเดือนมีนาคม และในช่วง "เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง" เรียกว่า วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) ราวเดือนกันยายน
4. ฤดูใบไม้ร่วง - ฤดูใบไม้ผลิ
"ศารทวิษุวัต" นับเป็นวันเริ่มต้นสู่ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางซีกโลกเหนือ ในทวีปเอเชียบางประเทศ ยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกาตอนเหนือ และเริ่มต้นสู่ฤดูใบไม้ผลิของประเทศทางซีกโลกใต้ ในทวีปอเมริกาใต้บางประเทศ แอฟริกาตอนใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้
5. ศารทวิษุวัต ในประเทศไทย 2568
วันที่ 23 กันยายน 2568
- ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าเวลาประมาณ 06.07 น.
- ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18.13 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร)
6. ทำไม "กลางวัน" ไม่เท่ากับ "กลางคืน" เป๊ะ
เนื่องจากการนิยาม "ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก" นั้นอ้างอิงจากตำแหน่ง "ขอบบน" ของดวงอาทิตย์ ที่สัมผัสกับเส้นขอบฟ้า** ไม่ใช่จุดกึ่งกลางของดวงอาทิตย์ รวมทั้งการหักเหของแสงในชั้นบรรยากาศ ด้วยสองปัจจัยนี้ทำให้ ช่วงเวลาที่นับว่า "กลางวัน" จะยาวขึ้นประมาณ 8-10 นาที (ขึ้นอยู่กับละติจูดและสภาพบรรยากาศ)
**กล่าวคือ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น จะนับเวลาเมื่อขอบบนของดวงอาทิตย์ปรากฏแตะเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และเมื่อดวงอาทิตย์ตก จะนับเวลาเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทั้งดวงทางทิศตะวันตก
7. คำอธิบายในเชิงดาราศาสตร์
"วันวิษุวัต" คือ วันที่ดวงอาทิตย์โคจรอยู่บนเส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial Equator) พอดี หากนับตามเวลาที่ จุดกึ่งกลางของดวงอาทิตย์ เคลื่อนผ่านเส้นขอบฟ้า วันดังกล่าวจะนับว่ามีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน คือ 12 ชั่วโมงพอดี
8. โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี
ใน 1 ปี "โลก" โคจรรอบ "ดวงอาทิตย์" เป็นวงรี ทำให้ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ช่วงใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้าน กม.) และช่วงไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (ระยะห่างเฉลี่ย 152 ล้าน กม.) อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของระยะทางดังกล่าวมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ไม่มีผลต่อการเกิดฤดูกาล
แต่การที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศากับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ การเอียงนี้ทำให้แต่ละพื้นที่บนโลกได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณภูมิต่างกัน
รวมถึงมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนที่ต่างกันด้วย เป็นเหตุให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลก จะสังเกตได้ว่า ในฤดูร้อน เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า ส่วนในฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว
9. ปรากฏการณ์สำคัญเกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ คือ วันวสันตวิษุวัต วันครีษมายัน วันศารทวิษุวัต วันเหมายัน
10.ปรากฏการณ์ต่อไป คือ "วันเหมายัน"
วันที่ 21 ธันวาคม 2568 "วันเหมายัน" (Winter Solstice) วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด และกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี
สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้จะมีช่วงกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
4 ปรากฏการณ์ในรอบปี 68 จากการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์
- วันวสันตวิษุวัต (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ-วัด) (Vernal Equinox) ในปี 2568 ตรงกับวันที่ 20 มี.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
- วันครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) ในปี 2568 ตรงกับวันที่ 21 มิ.ย. เป็นวันที่ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว
- วันศารทวิษุวัต (สา-ระ-ทะ-วิ-สุ-วัด) (Autumnal Equinox) ในปี 2568 ตรงกับวันที่ 23 ก.ย. วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี
- วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) ในปี 2568 ตรงกับวันที่ 21 ธ.ค. ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี
ข้อมูล : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
อ่านข่าว : เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณลดอีก 2 ครั้งในปีนี้ แม้เงินเฟ้อยังคงสูง
ฝรั่งเศสระดมตำรวจ 80,000 นาย คุมประท้วงเดือดทั่วประเทศ
Meta เปิดตัวแว่นตา AI เชื่อมคนกับโลกผ่านเลนส์ ลดการใช้สมาร์ตโฟน