วันนี้ (30 ก.ย.2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติใช้งบกลางเหลือจ่าย ประจำปีงบประมาณปี 2568 ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวันสิ้นปีของงบฯ 2568 และ ในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.2568) จะเริ่มต้นใช้งบประมาณปี 2569 จึงต้องมีการอนุมัติเพื่อให้ โครงการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาทิ
1. ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เติมงบดําเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านสิทธิ วงเงิน 22,780 ล้านบาท แบ่งจ่าย 2 ครั้ง ครั้งละ 850/ต่อครั้ง รวมเป็น 1,700 บาท ภายในเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2568 ขณะที่ใน ต.ค.นี้ จะยังได้เพียง 300 บาทเท่าเดิม
ส่วน ประชาชน บุคคลทั่วไป และประชาชนผู้เสียภาษี จะอยู่ในโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' รมว.คลัง จะเสนอหลักการและรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในวันที่ 7 ต.ค. และจะไม่มี การล่าช้า พร้อมยืนยันว่ามีงบประมาณในการดําเนินการ ซึ่งเงินที่เติมเข้าไปจะไม่ใช่เงินเหมือน กับผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
2. ก.คลังเสนอให้ที่ประชุม ครม.กันเงินเหลือจ่าย งบประมาณปี 2568 เพื่อจ่ายหนี้สาธารณะ ที่รัฐบาลได้ก่อ ให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่อง โดยจะโอนให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 35,960 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติงบสนับสนุน ตามที่กองทัพขอเพื่อใช้ในการป้องกันชายแดน จำนวน 864 ล้านบาท และอนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2569 เพื่อให้สามารถดําเนินการจัดการด้วยความเรียบร้อย
นายสิริพงศ์ ยังกล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และสายสีม่วง 20 บาทตลอดสาย ที่จะหมดอายุภายใน 30 ก.ย.นี้ โดย ก.คมนาคมชี้แจงว่า สาเหตุที่จะต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากมติ ครม. วันที่ 8 ก.ค.2568 ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขอให้ปรับระยะเวลา จากการสิ้นสุดภายใน 30 พ.ย.2568 เป็นวันที่ 30 ก.ย.2568 ทําให้ระยะเวลาสั้นลง จึงมีการพิจารณาทบทวนมติ ครม.ให้ขยายเวลาออกไป ใช้มติ ครม.เดิม คือวันที่ 29 พ.ย.2567 เพื่อให้สิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.2568
อย่างไรก็ตามระหว่างนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปดําเนินการหาวิธีที่ยั่งยืน เพื่อลดภาระประชาชน และไม่เป็นภาระกับภาครัฐ โดยจะต้องเสนอเข้าที่ประชุม ครม. และพิจารณาอีกครั้งภายใน 2 เดือนนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เพื่อประกอบการพิจารณาขอขยายเวลาการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
2. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้งและอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569
3. ให้ความเห็นชอบ
3.1 ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
3.2 ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
3.3 ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบ ต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
3.4 ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
อ่านข่าว : "อนุทิน" ถก ครม.นัดแรก เร่งใช้งบปี 68 วงเงินกว่า 6 หมื่นล้าน