ด้วยปฏิบัติการที่คนธรรมดาทั่วไปคงทำไม่ได้ เพราะเชื่อว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก่อนลงมือและหลบหนี ด้วยวิธีการที่ยากจะเชื่อได้ คือปล้นรถกระบะ 2 คันจากชาวบ้าน ใช้เป็นยานพาหนะ
มุ่งหน้าไปที่เป้าหมาย ร้านค้าทอง “เยาวราชกรุงเทพ” ในห้างบิ๊กซี สุไหง-โกลก แล้วเริ่มจากจี้คุมตัว รปภ.ห้าง แล้วถืออาวุธปืนครบมือ เดินเข้าห้างแบบไม่สนใจสายตาผู้คน ก่อนจะกวาดทองคำในร้านไปได้เกือบหมด เบื้องต้น ประมาณ 600 บาททองคำ
จากนั้นยึดวิทยุสื่อสารจาก รปภ. ขับรถกระบะ ที่ใช้ก่อเหตุอออกจากห้าง ก่อนจะหย่อนวัตถุต้องสงสัยไว้ตรงจุดกลับรถหน้าบิ๊กซี และแยกอรกานต์ ไม่ห่างจากจุดก่อเหตุ พร้อมโรยตะปูเรือใบตามทางหนี มีนัยเพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สะท้อนชัดว่า มีการวางแผนอย่างดีมาก่อน คาดว่าจะใช้เส้นทางพื้นที่ ต.สากอ อ.แว้ง เป็นเส้นทางหลบหนี และออกนอกประเทศ ผ่านช่องทางธรรมชาติ
มีรายงานการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นายคือ ส.อ.บุริศวร์ ระดาชัย ตำแหน่งนายสิบอาวุธเบา ชุดรบพิเศษ รพศ.408 และมีชาวบ้านอีก 1 คนตื่นตกใจ เพราะถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกันขณะลงมือ
ท่ามกลางประเด็นคำถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง เหตุใดไม่สามารถสกัดกั้น หรือรู้ระแคะระคายมาก่อนว่า จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทั้งที่เป็นพื้นที่มีการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จ.นราธิวาส
แต่ยกเว้น อ.ยี่งอ อ.แว้ง อ.สุคิริน และ อ.สุไหงโก-ลก พื้นที่ก่อเหตุ โดยขยายเวลาไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ก.ค.2568 ถึง 19 ต.ค.2568 ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาครั้งที่ 81
การลงมือปล้นได้ในระดับนี้ ย่อมต้องทำงานเป็นทีมใหญ่ และเชื่อว่าอาจมีการประสานหรือเกี่ยวพันกับกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หาไม่แล้ว จะ “ล่องหน” จากพื้นที่ หรือหลบหนีเข้าประเทศมาเลเซียได้อย่างสะดวกง่ายดายได้อย่างไร เว้นแต่จะซ่อนตัวในพื้นที่ลับเฉพาะ หรือพื้นที่ที่ไม่ถูกใครสังเกตเห็น
ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพิ่งจะมีมติเมื่อ 2 ต.ค.2568 เห็นชอบร่างนโยบาย การบริหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในกรอบเวลา 3 ปีตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม และเตรียมแปลเป็น 5 ภาษา เพื่อสื่อสารไปทั่วโลกว่า ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี รวมถึงด้านการพัฒนาความมั่นคง
นอกจากนี้ สมช.ยังเห็นชอบแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่ คือ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ซึ่งมีประสบการณ์เรื่องการแก้ปัญหาความมั่นคงอยู่แล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งทีมงาน เพื่อดำเนินการต่อไป
เรื่องความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางอำเภอใน จ.สงขลา ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายศักยภาพและความสามารถของหน่วยงานด้านความมั่นคงเสมอมา รวมทั้งเรื่องแต่งตั้งคณะคณะพูดคุยสันติสุข ซึ่งเว้นว่างมาในสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แต่ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เลือกนายฉัตรชัย บางชวด ขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการ สมช. เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้
เหตุปล้นร้านทองอย่างอุกอาจท้าทายที่สุไหง-โกลก จะมีความคืบหน้าเรื่องติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุได้หรือไม่ มีเป้าหมายอะไร และจะเชื่อมโยงกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้หรือไม่ อาจจะได้คำตอบเลาๆ ในไม่ช้านี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : อัปเดตปล้นร้านทอง! คนก่อเหตุแบ่ง 3 ทีม กวาดทองคำไป 600 บาท 35.6 ล้าน