วันนี้ (8 ต.ค.68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงข้อสังเกตทางการเมืองปรากฏการณ์นักการเมืองแห่เข้าพรรคภูมิใจไทย จนพูดกันว่าเป็นภูมิใจดูด ว่า เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเข้าใกล้ฤดูกาลเลือกตั้งมีการสลับขั้วย้ายค่ายกันบ้าง
แต่รากฐานจริงเรื่องนี้อยู่ที่ระบบการเมือง โดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นกลไกที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าจะทําให้เกิดการย้ายพรรคได้ง่าย แบบ สส.งูเห่า ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา หากอยากได้การเมืองที่ตรงไปตรงมา ก็ต้องกลับมาแก้ไขที่ระบบการเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทําให้พรรคประชาชนให้ความสําคัญกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่อถามว่า การไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยแบบนี้ จะทำให้พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นเสียงข้างมากและสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อ MOA หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นว่าจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากแต่อย่างใด และคงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น ถ้าถึงจุดที่เล็งเห็นแล้วว่า มีความเสี่ยงหรือความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นรัฐบาลเสียข้างมาก จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อล้มรัฐบาลทันที
นายณัฐพงษ์ ยังระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประตูด่านแรกที่จะเป็นจุดชี้วัดที่สําคัญ อีกหนึ่งด่านก็จะเป็นเรื่องการแก้ไขหมวด 15/1 ซึ่งจะถูกเสนอกลับเข้าสู่สภาในวาระที่ 3 ซึ่งนอกจากดูดเสียง สส.แล้วต้องดูการสนับสนุนจาก สว.ด้วยว่าตกลงแล้วทุกพรรคการเมือง รวมถึงนายกฯได้ทำงานหนักขนาดไหนในการทำความเข้าใจกับ สว.ตาม MOA
เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นการแก้เชิงสัญลักษณ์หรือไม่ เพราะต้องใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยรวมถึงทุกพรรคการเมืองด้วย จะต้องหาจุดตรงกลางร่วมกันให้ได้ จุดยืนของพรรคประชาชนยืนยันว่า ที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด หากหาทางออกร่วมกันไม่ได้ก็เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถรักษาสัญญาตาม MOA ได้
เมื่อถามว่าคุณสมบัติของรัฐมนตรี มีการติดตามอยู่ต่อเนื่องหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น และอยากฝากนายกฯ โดยตรง คือ การกํากับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น รองนายกฯ หรือ รัฐมนตรีต่าง ๆ การอภิปรายในสภา เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรมีผลกระทบ พาดพิงบุคคลสาธารณะ หรือใช้เครื่องมือทางกฎหมายมาเล่นงานกัน ถ้านายกฯ มีหลักการเช่นเดียวกัน น่าจะตักเตือนคนใต้บังคับบัญชาของท่านได้
เมื่อถามว่า รมว.กระทรวงยุติธรรม ได้แต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทำงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีเขากระโดงและ ฮั้ว สว.ที่อาจจะมีเครือข่ายกับรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนจะมีการติดตามต่ออย่างใกล้ชิด ทั้งเวทีกระทู้ถามและกรรมาธิการไปเรื่อย ๆ
แต่ถึงจุดหนึ่ง เราได้พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ ทั้งกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งเรื่องที่เราพยายามป้องกันให้เกิดอํานาจโดยมิชอบ เพื่อไม่ให้เกิดการทําลายอํานาจกระบวนการยุติธรรม อยากให้การดําเนินคดีทุกอย่างตรงไปตรงมา ต้องพิจารณาทุกอย่างประกอบพร้อมกัน ถ้าถึงจุดที่รัฐบาลกําลังจะใช้อํานาจโดยมิชอบ หรือทําลายกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทําให้เราไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้อีก ก็พร้อมจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่า การวางแผนอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงไหน จะมีการชิงยุบสภาหนีก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นายกฯไม่สามารถยุบสภาได้อยู่ที่ว่าใครยื่นได้เร็วกว่ากัน
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคไทยสามารถยื่นได้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การทําให้ระบบการเมืองไทยสู่กลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ มีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบที่ดี เป็นไปตามหลักสากล
จึงไม่อยากให้ใช้เกมการเมืองในการตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อล้างแค้นอะไรกันหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคืออยากให้พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะสำคัญกว่าเรื่องอื่น ต้องดูองค์ประกอบด้วย เช่น เรื่องการยุ่มย่ามเกี่ยวกับคดีการใช้อำนาจโดยมิชอบ แล้วจะทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย แรงที่สุดก็ยื่นตามรัฐธรรมนูญ ม.151
เมื่อถามว่ารัฐบาลที่เป็นอยู่ขณะนี้ เป็นไปตามที่พรรคประชาชนวางไว้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เขาเองมีอิสระในฐานะฝ่ายบริหาร ส่วนเราเป็นฝ่ายค้าน แต่ทิศทางใหญ่ ๆ ยังอยู่ในกรอบที่พรรคประชาชนโหวตเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯ ยังอยู่ในกรอบที่เราประเมินไว้อยู่ ยังไม่มีอะไรที่เป็นข้อห่วงใยหรือข้อกังวล จนต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน หลังจากแถลงนโยบายหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุย 1 ครั้งในช่วงไม่กี่วันมานี้ ในเรื่องการหารือผ่านกฎหมาย พ.ร.บ.อากาศสะอาด ได้ยกสายหานายอนุทินโดยตรง อยากให้กํากับพรรคร่วมรัฐบาลในการมาเป็นองค์ประชุมและโหวตผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เราพยายามดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดให้ผ่านสภาเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้ สส.จำนวน 200 ที่นั่ง และพรรคประชาชนจะได้ลดลงนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ทุกพรรคประเมินว่าตัวเองได้เยอะอยู่แล้ว ตั้งเป้าหมายให้สูง แต่เราเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งข้างหน้า เป้าหมายของเราได้ 20 ล้านเสียง อาจจะคํานวณเป็นที่นั่งไม่ได้ แต่หากสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาก็จะประมาณ 250 ที่นั่ง
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะเปิดตัวเมื่อไหร่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ยืนอยู่ข้างหน้า ณ ตอนนี้เรายังอยู่กับพรรคไม่ได้ไปไหน อยู่ในกระบวนการสัมภาษณ์อยู่ การเฟ้นหาผู้สมัครในการลงสมัครครั้งหน้าจะเป็นกระบวนการที่เข้มข้นมาก เปิดให้สมาชิกประชาชนมีส่วนร่วม ช่วยกันสะท้อนเสียงออกมาให้ได้มากที่สุด
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าหากดูตามนิด้าโพลก็ยอมรับและเข้าใจความรู้สึกของประชาชนว่ากระแสตก แต่เชื่อว่าการทําหน้าที่ของพวกเราทุกคนจนถึงวันเลือกตั้ง จะเป็นสิ่งที่ทําให้ประชาชนให้ความเชื่อมั่นของพวกเรากลับมา
อ่านข่าว : "พริษฐ์" ขู่ล้มรัฐบาลอนุทิน หากผิด MOA หวั่น สส.ย้ายซบภูมิใจไทย
"ณัฐพงษ์" ปัดนั่งร้าน ภท. พร้อมใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบหากผิด MOA
เปิดคำแถลงนโยบาย "รัฐบาลอนุทิน" ยึดหลักบริหาร 3 ประการ ลุยคนละครึ่ง-ค้านกาสิโน