วันนี้ (14 ต.ค.2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี โดยย้ำว่า ได้กำชับให้ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลปก.เร่งรัดในเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย จากเดิมจะเข้า ครม. ได้ในสัปดาห์นี้ แต่ดำเนินการไม่ทัน จึงย้ำว่าในสัปดาห์หน้าต้องนำเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเข้า ครม.ให้แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ ยังมีข้อสั่งการในเรื่องของการให้คณะรัฐมนตรีเฝ้าติดตามสถานการณ์การเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา โดยให้กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจขับเคลื่อนตามกรอบ
ทั้งนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังเป็นหนึ่งในข้อต่อรองที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มาพูดคุยกับรัฐบาลไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบไปชัดเจนถึงเงื่อนไข 4 ข้อ หากไทยจะยอมเจรจากับกัมพูชา คือกัมพูชาต้องถอนกำลัง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามสแกมเมอร์และกัมพูชาต้องมีท่าทีที่ชัดเจนต่อประชาชนของกัมพูชาที่มารุกล้ำแผ่นดินไทย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดยให้พิจารณาเพิ่มเติม จากมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แล้วที่จัดเงินอุดหนุนเยียวยาให้กับผู้อพยพในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา 1 ครั้ง แต่ในความเป็นจริงมีการอพยพหลายครั้ง จึงให้ไปปรับปรุงและทบทวนหลักเกณฑ์ใหม่เพื่ออุดหนุนเงินเยียวยาให้กับผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา
สำหรับเรื่องที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ครม.ได้เห็นชอบงบประมาณกลาง 455.9 ล้านบาท เพื่อจัดกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 และกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ของบประมาณ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบงบกลาง ให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจัดรายการการแข่งขัน Amazing thailand marathon Bangkok เป็นเงิน 264 ล้านบาท เชื่อว่า ทั้ง 2 กิจกรรมจะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยได้
คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบในกรอบและงบลงทุนสำหรับรัฐวิสาหกิจในปี 2569 โดยคณะรัฐมนตรีได้รับฟังข้อมูลจากทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่าเงินลงทุนก้อนนี้จะสามารถกระตุ้น เศรษฐกิจและ GDP
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรียังได้ให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ แก้ไขระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการบริการประชาชน เพื่อลดภาระให้กับประชาชนจากปัญหาไม่ได้รับความสะดวกจากการบริการเช่นการชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ
นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบกรอบการวางนโยบายงบประมาณปี 2570 โดยนายกรัฐมนตรี จะไปมอบนโยบายในวันที่ 1 ธ.ค.2568 ทั้งนี้กรอบเดิมที่อนุมัติไปคาดว่า จากไทม์ไลน์ของรัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในเดือน ม.ค.2569 จะทำให้กรอบการจัดทำงบประมาณมีความล่าช้าได้ จึงเห็นชอบในหลักการให้ไปปรับ ระยะเวลาไทม์ไลน์ ของกรอบปี 2570 เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าซึ่งสำนักงบประมาณก็ได้รับไปพิจารณา
คณะรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งข้าราชการต่างๆ โดยเห็นชอบให้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2 คนคือนาง น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ และ น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็มีการแต่งตั้ง ทั้งสิ้น 45 รายชื่อ ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นไปตามวงรอบปกติ เนื่องจากมีทั้งผู้ที่เกษียณและการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่
โดยนายกรัฐมนตรี ให้หลักการไว้ 3 ข้อคือ เน้นเรื่องคืนความเป็นธรรมให้กับ คนที่อาจจะถูกกลั่นแกล้ง จากการแต่งตั้งโยกย้าย 3 ครั้งที่ผ่านมาเมื่อ 2 เดือนก่อน ซึ่งครั้งที่แล้วมีการแต่งตั้งไปถึง 3 ครั้งช่วงระยะเวลา 1 เดือน ครั้งนี้จึงถือเป็นการคืนความเป็นธรรม
และใช้หลักใช้คนให้ถูกกับงาน รวมทั้งต้องใช้หลักคุณธรรมตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย โดยตำแหน่งต่างๆ มีการเสนอมาจากปลัดกระทรวง ดำเนินการทั้งสิ้น
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) จะใช้สถานที่อาคารรัฐสภาเช่นเดียวกัน โดยเริ่มจากกระทรวงการคลัง นำเสนอโรดแมป และ Action Plan ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
อ่านข่าว :
"อนุทิน" ยันโยกย้าย 45 ขรก.ไม่เกี่ยวน้ำเงิน-แดง รับคืนความเป็นธรรม
ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้าย "ข้าราชการมหาดไทย" ล็อตใหญ่ 45 ตำแหน่ง