วันนี้ (17 ต.ค.2568) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ปฏิบัติการเชิงรุก เข้าตรวจสอบโกดังเก็บสารเคมีต้องสงสัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ หลังพบข้อมูลการนำเข้าสารเคมีจำนวนมากแต่ไม่สำแดงรายการในระบบตาม ระเบียบ คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งบังคับให้มีการสำแดงตั้งแต่ปี 2559
พ.ต.ต.สุริยา บอกว่าสืบเนื่องจาก ป.ป.ส. ได้วิเคราะห์ข้อมูลด้านการข่าวเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก และจัดเก็บโซเดียมคาร์บอเนต และแอมโมเนียมคลอไรด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญในขั้นตอนการผลิตเมทแอมเฟตามีน ไอซ์ และเฮโรอีนในประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งพบว่าโรงงานดังกล่าวได้มีการนำเข้าสารเคมี 2 ชนิดมาเป็นเวลานาน แต่ไม่มีการแจ้งต่อ ป.ป.ส. ตามกฎหมายกำหนด จึงได้ลงพื้นที่ในวันนี้
จากการตรวจสอบภายในโรงงานพบว่า ภายในโกดังมีการจัดเก็บสารโซเดียมคาร์บอเนตจำนวนกว่า 477 กระสอบหรือเกือบ 20 ตัน และมีแอมโมเนียมคลอไรด์ 185 กระสอบ หรือ 4.12 ตัน ซึ่งทั้งหมดสั่งมาจากบริษัทซัพพลายเออร์ของไทย ก่อนส่งต่อไปยังบริษัทปลายทางตามคำสั่งซื้ออีกทอดหนึ่ง โดยบริเวณด้านข้างบรรจุภัณฑ์ระบุว่าผลิตจากประเทศจีน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. 32/2559 ในการกักสินค้าทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ และให้ทางบริษัทเข้าชี้แจงรายละเอียดในการนำเข้า จัดเก็บ ส่งออก ให้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางภายในระยะเวลา 30 วัน หากชี้แจงไม่ครบถ้วนจะมีการนำสารเคมีของกลางทั้งหมดไปทำลายหรือขายทอดตลาดต่อไป แต่หากตรวจสอบพบความผิดอื่นก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะมีการขยายผลไปยังบริษัทซัพพลายเออร์ที่นำเข้า และบริษัทปลายทางที่สั่งซื้อสินค้า รวมถึงวัตถุประสงค์ในการนำสารเคมีไปใช้ด้วย
ด้านหัวหน้าคลังสินค้าบริษัทดังกล่าว บอกว่าบริษัทดังกล่าวเปิดมานานกว่า 30 ปี แต่มีการสั่งและส่งสารเคมีทั้งสองชนิดไม่เกิน 10 ปี โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทนิคมอุตสาหกรรมในประเทศกว่า 10 ราย และบริษัท ในประเทศเมียนมาอีกหนึ่งรายที่ระบุว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมัน พร้อมอ้างว่าทางบริษัทไม่ทราบมาก่อนว่าการนำเข้า-ส่งออกสารทั้ง 2 ชนิดจะต้องแจ้งไปยัง ป.ป.ส.ทราบ
พ.ต.ต.สุริยา ยังบอกด้วยว่าสำหรับสารโซเดียมคาร์บอเนต ปกติแล้วจะมีการนำไปใช้ผลิตสินค้าอุปโภคต่างๆ เช่น ยาสระผม สบู่ สารซักล้าง ส่วนแอมโมเนียมคลอไรด์ จะใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การฟอกหนัง สิ่งพิมพ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการเชิงรุกครั้งแรกในการสกัดกั้นสารเคมีที่อาจถูกนำไปใช้ในการผลิตสารเสพติด พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ไปยังบริษัทที่นำเข้าส่งออกและจัดเก็บสารเคมีทั้ง 2 ชนิดว่า จะต้องรายงานการนำเข้า-ส่งออก สถานที่เก็บ และปลายทาง ให้ครบถ้วนถูกต้อง เพราะหากหากไม่มีการรายงาน ก็อาจเข้าข่ายมีข้อพิรุธในการนำไปใช้ในการผลิตสารเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จะเข้าดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจได้ โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386
อ่านข่าว :
คืบหน้าซ่อมถนนสามเสนทรุด จนท.ถมทรายต่อเนื่องอีก 2.65 ม.ถึงผิวจราจรเดิม
สอท.จ่อคุยสหรัฐฯ ปมยึดทรัพย์ "เฉิน จื้อ" โยงทำผิดในไทยหรือไม่
รวบต่างด้าวกว่า 100 คน ถูกหลอกเข้าเมือง จ่ายค่าหัวคนละ 4 หมื่น