วันที่ 22 ต.ค.2568 คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์และการรวมชาติของสภาแห่งชาติเกาหลีใต้ ส่งตัวแทนลงพื้นที่ตรวจสอบที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกรุงพนมเปญของกัมพูชา หลังจากชาวเกาหลีใต้หลายสิบคนที่ส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ถูกส่งตัวกลับจากกัมพูชาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สมาชิกในคณะกรรมาธิการจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสถานทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชา โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับความบกพร่องร้ายแรงในการปกป้องพลเมืองในต่างแดน พร้อมวิจารณ์ว่าการดำเนินการในการช่วยเหลือพลเมืองของสถานทูตเป็นไปอย่างล่าช้า หลังข้อมูลชี้ว่า มีรายงานคดีเกี่ยวกับการลักพาตัวและกักขังประมาณ 100 คดี จากทั้ง 500 คดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไข
ขณะที่โคเรีย จุงอัง เดลี รายงานว่า สถานทูตเกาหลีใต้ในกัมพูชากำลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีรายงานว่าปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีใต้ที่พัวพันกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ "โรแมนซ์ สแกม" ไปเฉยๆ ไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่กัมพูชา หลังจากผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวมาที่สถานทูต
รายงานระบุว่าผู้ต้องสงสัยคนนี้มาที่สถานทูตเมื่อเดือน พ.ย.เมื่อปีที่แล้วเพื่อต่ออายุหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่สถานทูตแจ้งผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวว่าไม่สามารถต่อได้เพราะเขาถูกขึ้นบัญชีแดงของตำรวจสากล (Interpol) และยังแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องเจอเมื่อเดินทางกลับเกาหลีใต้ หลังจากผู้ต้องสงสัยแสดงเจตนาที่จะกลับประเทศและมอบตัว
แต่ในความเป็นจริงผู้ต้องสงสัยไม่ได้กลับเกาหลีใต้ แต่หลบซ่อนตัว และทางสถานทูตก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เกือบ 3 เดือน ก่อนจะแจ้งเรื่องนี้แก่เจ้าหน้าที่กัมพูชาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมเมื่อเดือน ก.พ.และปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำในกัมพูชา
เร่งตามตัวผู้ต้องสงสัยพัวพันเหตุ นศ.เสียชีวิตที่กัมพูชา
ส่วนด้านหน่วยงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ออกมายืนยันตัวเลขชาวเกาหลีใต้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา อยู่ที่ 1,000 - 2,000 คน ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากเป็นผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เหยื่อในขบวนการเหล่านี้ หลายคนตั้งใจไปทำงานผิดกฎหมาย เพราะได้เงินเยอะ
นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ยังระบุด้วยว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีที่นักศึกษาเกาหลีใต้ถูกทรมานจนเสียชีวิตในกัมพูชา เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวเชื่อว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของตัวการที่อยู่เบื้องหลังคดียาเสพติดในกรุงโซล เมื่อปี 2023
ขณะที่ข้อมูลจากคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ของกัมพูชา ชี้ว่า นับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.จนถึงเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กัมพูชาบุกทลายฐานสแกมเมอร์ 92 แห่ง ใน 18 เมืองและจังหวัดทั่วประเทศ
โดยสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้ 3,455 คน จาก 21 ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เวียดนามและอินโดนีเซีย รวมกันตัวเลขเกินครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ขณะที่ชาวไทยและเกาหลีใต้ตกเป็นผู้เสียหายหลายสิบคนด้วยกัน
เมื่อวานนี้ยังมีรายงานที่เปิดเผยจากปากของ "คิม คอน" สส.พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งอ้างข้อมูลที่ได้รับมาจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ว่านับจนถึงเดือน ก.ย. มีรายงานแจ้งเหตุชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวในประเทศไทย รวม 11 กรณี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2022 มีการแจ้งเหตุ 1 กรณี ขณะที่ในปี 2023 และปี 2024 มีผู้แจ้งเหตุลักพาตัวเข้ามาปีละ 5 กรณี ด้วยกัน
สส.เกาหลีใต้ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำระบบความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้กับหลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่แค่กับกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไทยและประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่อปกป้องชาวเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐบาลยกระดับการเฝ้าระวังการโฆษณาจ้างงานผิดกฎหมายที่ล่อลวงเหยื่อมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
อินโดนีเซียเร่งช่วยพลเมืองตกเป็นผู้เสียหายสแกมเมอร์ในกัมพูชา
ขณะที่สื่ออินโดนีเซียเปิดเผยอ้างรัฐมนตรีต่างประเทศว่า มีชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 110 คน หลบหนีออกมาจากศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา โดยทางกระทรวงยังคงให้เดินหน้าให้ความช่วยเหลือ และจะรอดูต่อไปว่าพวกเขาทั้งหมดต้องการกลับบ้านหรือไม่ เพราะในบางกรณีหลังจากที่ช่วยเหลือแล้ว พวกเขาก็กลับเลือกที่จะไม่กลับประเทศ โดยแต่ละคนมีเหตุผลส่วนตัวในการปฏิเสธการส่งตัวกลับประเทศ และรัฐบาลไม่สามารถบังคับให้พวกเขากลับบ้านได้
รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียระบุด้วยว่า รัฐบาลยังคงประสานงานกับทางการกัมพูชาเพื่อให้แน่ใจว่าพลเมืองที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรดังกล่าว จะถูกส่งตัวกลับอย่างปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย
ญี่ปุ่นเผยอาจมีพลเมืองในศูนย์สแกมเมอร์กัมพูชาอีก 1 พันคน
ด้านสำนักข่าวเอ็นเอชเค สื่อญี่ปุ่น รายงานอ้างตำรวจว่า ชาวญี่ปุ่นบางส่วนที่ถูกจับกุมฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงในกัมพูชา ให้การว่ามีชาวญี่ปุ่นทำงานที่ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาอีกประมาณ 1,000 คน
โดยเมื่อเดือน ส.ค.ตำรวจจับกุมพลเมืองญี่ปุ่นได้ 29 คน อายุระหว่าง 19-52 ปี ฐานต้องสงสัยว่าพยายามฉ้อโกง และถูกส่งตัวจากกัมพูชากลับมายังญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ศูนย์สแกมเมอร์หนึ่งในปอยเปต โดยต้องทำหน้าที่โทรหลอกลวงผู้เสียหาย
SpaceX ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Starlink 2,500 ชุดในเมียนมา
ขณะที่ด้าน SpaceX ออกมาเป็นเผยว่า ได้ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์กว่า 2,500 ชุดในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ในเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสำนักข่าวเอเอฟพีเผยภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายจากโดรน แสดงให้เห็นพื้นที่เค เค ปาร์ค ที่มีการก่อสร้างอาคารเพิ่มขึ้นในหลายจุด รวมถึงพบว่าติดตั้งเครื่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์บนหลังคาอาคารเหล่านี้จำนวนมาก
ขณะที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศว่าได้เปิดปฏิบัติการบุกทลายในเค เค ปาร์ค ใกล้กับชายแดนที่ติดกับไทย โดยตรวจยึดอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์ได้ 30 ชุด
อ่านข่าว :
พบชายเกาหลีใต้วัย 50 ปี เสียชีวิตที่ในโรงแรมที่สีหนุวิลล์
เกาหลีใต้รับเถ้ากระดูก นศ.ชันสูตรพบรอยช้ำถูกทุบตี ไม่พบอวัยวะถูกตัด
เกาหลีใต้ระงับโครงการช่วยกัมพูชา-จ่อคว่ำบาตรธุรกิจพัวพันอาชญากรรม