วันนี้ (23 ต.ค.2568) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ได้หารือร่วมกันระหว่าง สปสช. และ กระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้แทนชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน และชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ข้อสรุปทั้ง 6 ข้อ ได้รับทราบจากการประชุมดังกล่าวแล้ว และจะรับไปดำเนิน
โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ในส่วนที่ทำได้เลย คือ การยกเลิกการคำนวณแบบ Re-run ย้อนหลังสำหรับการจ่ายชดเชยค่าบริการผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2567-31 ก.ค.2568 ซึ่ง สปสช. จะเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.)
ในส่วนเดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2568 สปสช. จะแสดงตัวเลขค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ที่แท้จริง และการจ่ายเงินให้โรงพยาบาลตามตัวเลขนั้น
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า สำหรับการแสดงวงเงินคงเหลือปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในทุกกองทุนนั้น สปสช. จะทำงานร่วมกันกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยบริการสังกัดอื่นด้วย เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลและตัดสินใจดำเนินการร่วมกัน
โดยหลังจากนี้ สธ. และ สปสช.นัดหารือครั้งต่อไปในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ในส่วนของงบกลางที่อยู่ในขั้นตอนการของบประมาณกับทางคณะรัฐมนตรีนั้น เมื่อได้รับมา หลักการหลังจากนี้จะหารือการจัดสรรร่วมกัน
รวมไปถึงประเด็นว่าหลังจากนี้จะมีการสร้างข้อตกลงร่วมกัน หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สปสช.จะต้องหารือกับ สธ.ก่อนเพื่อตัดสินใจร่วมกัน
ที่ผ่านมายังมีบางจุดที่ สปสช. บริหารและเกิดความไม่เข้าใจกันในบางประเด็น โดยเฉพาะงบปลายปิดกองทุนผู้ป่วยใน ที่มีผลงานการบริการมากกว่าเป้าหมาย ทำให้งบประมาณไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามจากการหารือกับ รมว.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข เห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้โดยกลไกความร่วมมือที่ชัดเจน หลังจากนี้ สปสช.จะเดินหน้าตามหลักการนี้
ทั้งนี้ ข้อสรุปเป็นมติใน 6 ประเด็นที่เห็นร่วมกัน ประกอบด้วย 1. ยกเลิกการ Re-run สำหรับการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2567 - 31 ก.ค. 2568
2.สปสช. จะแสดงวงเงินคงเหลือปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในทุกกองทุน เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือมาบริหารจัดการ
3.คำนวณการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพื่อจ่ายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย ยอดบริการรักษาพยาบาล ช่วงวันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.2568 ในอัตรา 8,350 บาทต่อ AdjRW รวมถึงการจ่ายชดเชยค่าบริการจากกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนบริการกรณีเฉพาะ (CR) กองทุนบริการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP) ของภาครัฐ
4.จัดสรรเงินคงเหลือทั้งหมดเพื่อจ่ายชดเขยค่ารักษาพยาบาลให้หน่วยบริการเท่าที่จ่ายได้ โดยที่เหลือเป็นการเตรียมการจ่ายเงินชดเชยที่คงเหลือ
5.แสวงหางบประมาณเพิ่มเติม โดยรองบกลางจากรัฐบาลเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้พิจารณานำงบประมาณ ปี พ.ศ.2569 มาชดเชยให้ครบถ้วน และ 6.สร้างข้อตกลงร่วมกัน ระหว่าง สปสช. และ สธ. ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินชดเชยใดๆ โดย สปสช. จะหารือกับกองเศรษฐกิจสุขภาพฯ และตัวแทนผู้ให้บริการ เพื่อสร้างความเข้าใจก่อนดำเนินการ
อ่านข่าว : ลูฟวร์เปิดแล้ว! ผอ.ยอมรับ กล้องวงจรปิดเก่า-ไม่พอ จุดอ่อนถูกโจรกรรม
"บิ๊กเล็ก" แถลงผล GBC กัมพูชายอมรับ 4 ข้อเสนอ ถอนอาวุธ-กู้บึ้ม-ปราบสแกมเมอร์
สแกมเมอร์จีนหนีทหารเมียนมา ข้ามแม่น้ำเมยเข้าฝั่งไทยกว่า 100 คน