แต่การเปิดตัวทีมผู้สมัครจากสมุทรปราการ วันที่ 21 พ.ย. ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่ม “บ้านใหญ่” อัศวเหม แต่เป็นการผสมผสานกับกลุ่ม สส.และผู้สมัคร สส.เดิมจากพรรคเพื่อไทย ที่เคยห้ำหั่นแข่งขันกับตระกูลอัศวเหม มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
ไม่ว่าจะเป็นนายประชา ประสพดี อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย นางลลิลทิพย์ สุขวัฒน์ อดีต สส.ไทยรักไทย นางนฤมล ธารดำรง อดีต สส.เพื่อไทย และนายจาตุรนต์ นกขมิ้น อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
อีกคนคือนายปิยะพงษ์ เหมะ บุตรชายของ นายวรชัย เหมะ อดีต สส.และอดีตแกนนำเสื้อแดงสมุทรปราการ พร้อมกับนายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ บุตรชายนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ แห่งห้างอิมพีเรียล ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายสงคราม เป็นหนึ่งในที่ปรึกษานายกฯ
ส่วนบ้านใหญ่ “อัศวเหม” นำทีมโดยนายอัครวัฒน์ อัศวเหม อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีรายชื่อผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
ที่เติมเข้ามาสำหรับผู้สมัคร สส.เขต คือ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตรองผู้การจังหวัดชลบุรี และยังมีชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่ออีก 1 คน คือนายธนประเสริฐ จันทรักษรังสี
มองผิวเผินคล้ายเป็นการปรับทัพใหม่ แต่หากมองให้ลึก เท่ากับพรรคเพื่อไทย ยอมลดแลกแจกแถมเต็มที่ กับการดึงกลุ่มบ้านใหญ่ “อัศวเหม” เข้าร่วมพรรค แลกกับการมีข่าวความเคลื่อนไหวนี้ปรากฎบนหน้าสื่อหลักและออนไลน์ หวังสะท้อนให้เห็นความสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่ยังมีมนต์ขลัง เพราะยังมี “บ้านใหญ่” ที่เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยสำหรับสู้ศึกเลือกตั้ง
เพราะไม่เพียงผู้สมัคร สส.เขต 8 คน แต่ยังรวมที่จะลงบัญชีรายชื่ออีก 3 คน
ที่สำคัญเป็นการจับมือรวมพลังกันครั้งแรก ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับบ้านใหญ่ “อัศวเหม” ซึ่งเป็นคู่แข่งบารมีทางการเมืองมายาวนาน นับตั้งแต่ปี 2544 ที่พรรคไทยรักไทย ส่งคนลงสมัครสส.ครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นความพ่ายแพ้ของ “บ้านใหญ่” แบบยาวนาน นับแต่นั้น
เพราะไม่มี สส.ในเครือข่ายชนะเลือกตั้งเข้าสู่สภาฯ หรือเป็นฝ่ายบริหารอีกเลย ยกเว้นเลือกตั้งปี 2562 ที่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกเพียงสมัยเดียว
การผนึกกำลังกับอดีต สส.พรรคเพื่อไทยเดิม จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อร่วมพลังต่อต้านพรรคประชาชน ที่จะยึดพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แบบเบ็ดเสร็จเหมือนเลือกตั้งปี 2566 ที่ทั้ง “บ้านใหญ่” และกลุ่ม สส.เพื่อไทยเก่า ต่างกอดคอกันแพ้แบบย่อยยับ
แต่จะประสพมรรคผลอย่างที่คาดหวังหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันต่อ เพราะว่ากันว่า ประมุขใหญ่ นายวัฒนา อัศวเหม กำลังจะกลับมาบัญชาการด้วยตัวเอง หลังจากคดีความเรื่องทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านที่นายวัฒนาต้องคำพิพากษาจำคุก ตอนนี้ครบ 15 ปีแล้ว
เชื่อกันว่า คำถามสำคัญนี้ พรรคค่ายสีส้มจะเป็นผู้ให้คำตอบ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว :
แท็กที่เกี่ยวข้อง: