วอนปรับเงื่อนไขไร่ละพันบาทพัฒนาลำไยเยียวยาชาวสวน

ชาวสวนลำไยใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ทยอยเข้าพบเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอจอมทอง เพื่อปรับปรุงข้อมูลการขึ้นทะเบียนชาวสวนลำไย ก่อนสมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2568 เพื่อรับการสนับสนุนค่าดำเนินการ ค่าปัจจัยการผลิต ตัดแต่งทรงพุ่มและช่อผลในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือชาวสวนลำไย หลังประสบปัญหาราคาผลผลิตลำไยตกต่ำสุดในรอบหลายสิบปี

พิมพรรณ นันต๊ะภูมิ รักษาการเกษตรอำเภอจอมทอง

พิมพรรณ นันต๊ะภูมิ รักษาการเกษตรอำเภอจอมทอง ระบุพื้นที่อำเภอจอมทองมีชาวสวนลำไยกว่า 7,000 ราย เนื้อที่ปลูกประมาณ 6 หมื่น 5 พันไร่ แต่เนื่องจากโครงการ เปิดรับเฉพาะต้นลำไยอายุตั้งแต่ 5 – 25 ปีเท่านั้น จึงมีเกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ประมาณร้อยละ 60 ที่เหลือไม่เข้าเงื่อนไข เพราะต้นลำไยอายุมากกว่า 25 ปี ขณะที่ขั้นตอน หลังยืนยันสิทธิ์ รับเงิน และ ถ่ายทอดความรู้แล้ว จึงมีการตัดแต่งทรงพุ่ม ซึ่งพบว่าที่ผ่านมาเกษตรกรบางส่วนตัดแต่งกิ่งไปแล้ว

เรื่องตัดแต่งเก่งจริงๆในพื้นที่ มีการทำอยู่แล้ว เพราะทำลำไยนอกฤดู เกษตรกรเริ่มราดสารไปแล้ว รวมไปถึงลำไยในฤดูก็ตัดแต่งกิ่งไปแล้วเช่นกัน แต่ก็จะมีร่องรอยต้นไม้ที่ตัดไว้ เงื่อนไขต่างๆ จะมีการอนุโลมหรือไม่ต้องรอความชัดเจนของคู่มืออีกอีกครั้ง แต่เบื้องต้นเมื่อทำสัญญาแล้ว จึงจะตัดแต่งกิ่ง แต่ตอนนี้บางส่วนตัดแต่งกิ่งไปแล้ว

อุสา โพธิ์ธาพันธุ์ ชาวสวนลำไยอำเภอจอมทอง

อุสา โพธิ์ธาพันธุ์ ชาวสวนลำไยอำเภอจอมทอง ซึ่งเดินทางมาลงลายมือชื่อการทำประชาคมผลผลิตลำไยเนื้อที่ 7 ไร่ของตัวเอง เพื่อเตรียมเข้าร่วมโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ เธอหวังจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1 พันบาท เพื่อนำไปบำรุงต้นลำไยที่มีอายุประมาณ 20 กว่าปี แม้จะไม่มั่นใจว่าจะอายุของต้นลำไยจะเข้าเงื่อนไขหรือไม่ แต่ก็พออุ่นในเมื่อผู้ใหญ่บ้านเซ็นรับรองไปแล้ว

เงินก้อนนี้มีความจำเป็นมาก จะต้องใช้ในการบำรุงต้น เพราะลำไยมีราคาไม่ดี อยากจะบำรุงสวนให้ผลผลิตมีคุณภาพ ใส่น้ำ ใส่ปุ๋ย ช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ขาดทุนไปเยอะ เพราะลงทุนไปมาก ปีนี้ได้เงินเพียงแค่ 3,000 บาททั้งที่ลงทุนไปเยอะมาก

บัญชาการ พลชมชื่น เลขาธิการสมาคมชาวสวนลำไยไทย

บัญชาการ พลชมชื่น เลขาธิการสมาคมชาวสวนลำไยไทย เห็นว่าเงื่อนไขของโครงการที่รับเฉพาะต้นลำไยอายุ 5-25 ปี ทำให้เกษตรกรจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทั้งที่ความเป็นจริงต้นลำไยอายุมากกว่า 25 ปี สามารถใช้เทคนิคการตัดแต่งที่เรียกว่าการทำสาว ทำให้ต้นลำไย ยังสามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้

นอกจากนี้การกำหนดขั้นตอนของโครงการให้เกษตรกรตัดแต่งทรงพุ่ม และ บันทึกภาพระบุพิกัดสถานที่ เพื่ออัปโหลดผ่านแอปพลิเคชัน farmbook ก็ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง เพราะชาวสวนส่วนใหญ่เก็บผลผลิต พร้อมๆ กับการตัดแต่งกิ่ง เพื่อประหยัดค่าจ้างไปก่อนหน้านี้แล้ว และ ได้บันทึกภาพไว้ ตามที่เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแนะนำ จึงไม่มั่นใจว่า จะสามารถร่วมโครงการได้หรือไม่

ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูกาลตัดแต่งกิ่ง คงจะทำไม่ได้ ถ้าลำไยตายไป ใครจะรับผิดชอบ อยากให้ปรับเปลี่ยน ใครที่ตัดแต่งไปแล้ว ก็ขอให้มาดู มากตรวจสอบกิ่งก้านที่ตัดไปแล้วก็ยังกองอยู่ ทรงพุ่งหายไป ควรถือว่าตัดแต่งกิ่ง เรียบร้อยแล้ว และ เข้าโครงการได้ นอกจากนี้ อายุลำไยก็ไม่ควรกำหนด 25 ปี หากมีการปรับเปลี่ยน ชาวสวนก็จะไปยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการ ตอนนี้เกษตรกรยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง และ จะได้เงินหรือไม่

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อเพิ่มรายได้ ประกอบด้วย พันธุ์อีดอ พันธุ์สีชมพู พันธุ์พวงทอง และ พันธุ์เบี้ยวเขียว มีเป้าหมาย 6 แสนไร่ เกษตรกร 125,000 ครัวเรือน ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา น่าน และจังหวัดตาก โดยชาวสวนลำไยที่ผ่านเงื่อนไข ทางธนาคาร ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้

รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ