เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2568 CNN รายงาน สายการบินทั่วโลกกำลังแข่งกับเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก โดยต้องเร่งอัปเดตซอฟต์แวร์เครื่องบินแอร์บัสหลายพันลำอย่างด่วน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เหมือนในกรณีที่ Jetblue เคยทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บและต้องลงจอดฉุกเฉินเมื่อเดือน ต.ค.
ผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัสค้นพบว่า "พายุสุริยะรุนแรง" จากการระเบิดของดวงอาทิตย์ อาจทำให้นักบินเสียการควบคุมเครื่องบินซีรีส์ A320 (ซึ่งรวมถึงรุ่น A319, A320 และ A321) โดยเครื่องบินแบบทางเดินเดียวนี้มีประมาณ 6,000 ลำทั่วโลก ถือเป็นเครื่องบินโดยสารที่ขายดีที่สุดในโลก และขณะนี้ต้องได้รับการซ่อมแซม แต่ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ การหยุดบินเพื่อนำเครื่องเข้าซ่อมยังมีปริมาณไม่มาก
แอร์บัสออกแถลงการณ์ว่า จากการวิเคราะห์เหตุการณ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินซีรีส์ A320 พบว่ารังสีสุริยะรุนแรงอาจทำให้ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบควบคุมการบินเสียหาย
จุดเริ่มต้นของปัยหา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ต.ค. เที่ยวบิน Jetblue 1230 ที่ทำการบินโดยเครื่องบิน A320 ขณะกำลังบินจากเมืองคันคูน เม็กซิโก ไปยังเมืองนวาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ แต่จู่ ๆ เครื่องบินก็ลดระดับลงอย่างกะทันหัน ทำให้นักบินต้องลงจอดฉุกเฉินที่เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้โดยสาร 15 คนถูกนำส่งโรงพยาบาล
แอร์บัสสอบสวนเหตุการณ์นั้นและเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 พ.ย.2568) ได้แจ้งในเอกสาร "Alert Operators Transmission" ไปยังสายการบินที่มีแอร์บัสประจำฝูงบินให้ทราบว่า ต้องทำการซ่อมแซมด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Revert software) เครื่องบิน โดยยืนยันว่าได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานการบินอย่างรอบคอบ และยึดความปลอดภัยเป็นความสำคัญอันดับ 1
แอร์บัสแจ้งว่า การอัปเดตจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยเป็นการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบย้อนหลัง คือให้เครื่องบินกลับไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนปัจจุบัน แต่ด้วยความเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่การเดินทางจะคึกคักเป็นพิเศษ และเป็นช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า จึงทำให้หลายสายการบินแทบจะไม่สามารถยกเลิกเที่ยวบินเพื่อนำเครื่องบินเข้าจอดและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้เลย
นอกจากนี้แล้ว สำหรับเครื่องบินรุ่นเก่าอีกประมาณ 900 ลำที่ได้รับผลกระทบ การอัปเดตซอฟต์แวร์จะซับซ้อนกว่า เนื่องจากต้องติดตั้งใหม่หมด ทั้งนี้ แอร์บัสยังแจ้งอีกว่า สายการบินไม่จำเป็นต้องบินเอาเครื่องบินมาอัปเดตที่ฝรั่งเศส แต่สามารถทำการอัปเดตด้วยตัวเองได้ที่ฐานบำรุงรักษาของสายการบินนั้น ๆ หรือสถานีบำรุงรักษาแบบเบื้องต้น ทั้งหมดนี้เป็นไปตามคำสั่งจากแอร์บัส และ EASA (European Union Aviation Safety Agency)
อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องบินรุ่นเก่าประมาณ 900 ลำที่ต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ อาจต้องบินไปยังศูนย์ของแอร์บัส ในเมื่อตูลูส ประเทศฝรั่งเศส, รัฐอลาบามา สหรัฐฯ, หรือพันธมิตร NORDAM ในสหรัฐฯ, อังกฤษ, สิงคโปร์ และ จีน
อเมริกันแอร์ไลน์แจ้งว่า ได้ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์เครื่องบินทั้งหมดไปแล้ว เหลือ 4 ลำ จากทั้งหมด 209 ลำ และคาดว่าจะดำเนินการอัปเดตได้ทั้งหมดเสร็จภายในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย.
เดลต้าแอร์ไลน์แจ้งว่ามีเครื่องบิน A321neo น้อยกว่า 50 ลำที่ต้องได้รับการอัปเดต
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ มีเครื่องบินแอร์บัสอยู่ 6 ลำ คาดว่าอาจเกิดผลกระทบเล็กน้อย ไม่กี่เที่ยวบิน
เจ็ตบลู ซึ่งมีฝูงบินส่วนใหญ่เป็น A320 และ A321 ไม่ได้แจ้งจำนวนเครื่องบินที่ต้องอัปเดต แต่บอกกับ CNN ว่ากำลังเริ่มการอัปเดตแล้ว
ส่วนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เจ็ตสตาร์แอร์เวย์ ของออสเตรเลีย และ แอร์นิวซีแลนด์ ได้ดำเนินมาตรการอัปเดตไปแล้วเรียบร้อย ส่วนอินดิโกและแอร์อินเดียเอ็กซ์เพรส คาดว่าจะอัปเดตเสร็จภายในวันเสาร์ (วานนี้ 29 พ.ย.) ตามรายงานของรอยเตอร์
ANA แจ้งเรื่องเครื่องบินแอร์บัส A321/A320 ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อความปลอดภัยในการโดยสาร
ANA แจ้งเรื่องเครื่องบินแอร์บัส A321/A320 ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อความปลอดภัยในการโดยสาร
ในยุโรป ลุฟต์ฮันซา แอร์ลิงกัส วีซแอร์ อีซีเจ็ต และบริติชแอร์เวย์ ต่างแจ้งว่ามีเครื่องบินแอร์บัสบางลำที่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกัน เครื่องบินของสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ซึ่งรู้จักในชื่อ "Shepherd One" ก็เคยได้รับผลกระทบจากปัญหานี้เช่นกัน แต่ทางวาติกันจะแจ้งว่าได้อัปเดตซอฟต์แวร์ไปแล้วในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา
อ่านข่าวอื่น :
ตร.ภาค 9 ขอโทษใช้แบคโฮดันรถเปิดทางหาดใหญ่ ยอมชดใช้ค่าเสียหาย
คพ.ลุยจัดการ "ขยะ-น้ำเสีย" หลังน้ำท่วมสงขลา หาที่พักขยะก่อนกำจัด