นายกฯ ออสเตรเลียประกาศ วันไว้อาลัย-แผนซื้อปืนคืน หลังเหตุยิงหมู่บอนได

นายกฯ อัลบานีสถอดบทเรียนเหตุยิงหมู่บอนได ประกาศแผนซื้อคืนปืนขนาดใหญ่คู่กับวันรำลึกเหยื่อ พร้อมเล็งปฏิรูปกฎหมายเข้มงวดกว่าเดิมท่ามกลางการวิเคราะห์ว่ากฎหมายปืนที่เคยเข้มข้นยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะปืนถูกกฎหมายกว่า 4 ล้านกระบอกและระบบทะเบียนที่ล่าช้า

วันนี้ (19 ธ.ค.2568) CNN รายงาน เหตุการณ์ยิงหมู่ที่ห้างสรรพสินค้าบริเวณชายหาดบอนได ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย 15 คน ได้จุดชนวนให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ประกาศแผนซื้อคืนปืนระดับชาติในงานแถลงข่าวที่แคนเบอร์รา โดยมุ่งเป้า "ลดปืนบนถนนให้มากที่สุด" ผ่านการซื้อคืนปืนที่มีมากเกินความจำเป็น ปืนที่ผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลกลางจะออกกฎหมายเพื่อจัดสรรงบประมาณ และแบ่งภาระค่าใช้จ่ายร่วมกับรัฐบาลมลรัฐและดินแดนต่าง ๆ ขณะที่มลรัฐจะรับหน้าที่รับคืนอาวุธและจ่ายค่าชดเชย ส่วนตำรวจสหพันธรัฐจะเป็นผู้ทำลายอาวุธทั้งหมด คาดว่ามาตรการนี้จะเก็บและทำลายปืนได้หลายแสนกระบอก ถือเป็นการซื้อคืนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2539

นอกจากนี้ อัลบานีสยังกำหนดให้วันที่ 21 ธ.ค.เป็น "วันแห่งการรำลึกผู้เสียชีวิต" โดยลดธงครึ่งเสาบนอาคารราชการทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์และระดับชาติ พร้อมเตรียมจัดวันไว้อาลัยแห่งชาติในช่วงต้นปีหน้า ขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองแห่งชาติเปิดเผยว่า พบวิดีโอออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม ISIS ซึ่งตอกย้ำว่าเหตุโจมตีครั้งนี้อาจได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดก่อการร้ายสุดโต่ง

CNN ให้ข้อมูลเพิ่มว่า แม้ออสเตรเลียจะถูกยกให้เป็นตัวอย่าง ประเทศที่มีกฎหมายปืนเข้มงวดและอัตราการฆาตกรรมด้วยปืนต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่เหตุบอนไดได้ปลุกคำถามใหม่ว่า กฎหมายที่ใช้อยู่ยังเพียงพอหรือไม่ ข้อมูลจากรายงานของสถาบัน Australia Institute พบว่าจำนวนอาวุธปืนที่ครอบครองโดยถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 20 ปี จนปัจจุบันมีมากกว่า 4,000,000 กระบอก มากกว่าช่วงก่อนการปราบปรามครั้งใหญ่หลังพอร์ตอาเธอร์

ข้อมูลจากสถาบันอาชญาวิทยาออสเตรเลีย ล่าสุดชี้ว่า ระหว่างเดือน ก.ค.2566 - มิ.ย.2567 ออสเตรเลียมีคดีฆาตกรรมด้วยปืนเพียง 31 คดี หรืออัตรา 0.09 ต่อประชากรแสนคน อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าผู้ก่อเหตุบอนได ถือใบอนุญาตปืนเพื่อการกีฬาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีปืนจดทะเบียนถึง 6 กระบอก ทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงช่องโหว่ของระบบ

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ผู้นำมลรัฐและดินแดนต่างเห็นพ้องที่จะผลักดันมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น เช่น จำกัดการถือครองปืนเฉพาะพลเมืองออสเตรเลีย จำกัดจำนวนและประเภทอาวุธ กำหนดวันหมดอายุใบอนุญาตเพื่อเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ครอบครอง รวมถึงควบคุมการนำเข้าอาวุธรูปแบบใหม่ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ และอุปกรณ์ที่บรรจุกระสุนได้จำนวนมาก

นายกฯ อัลบานีสยอมรับว่า ระบบทะเบียนปืนแห่งชาติ (National Firearms Register) ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากข้อมูลกระจัดกระจายและบางพื้นที่ยังใช้กระดาษอยู่ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด พร้อมย้ำว่า หากยังมีมาตรการใดที่ทำได้เพิ่มเติม รัฐบาลพร้อมดำเนินการทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน