จนท.เลื่อนรื้อถอนโพงพางในทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านรวมตัวค้าน-หวั่นสร้างสถานการณ์
วันนี้ (26 ก.ย.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกว่า 200 คนใน อ.สิงหนคร จ.สงขลา เตรียมเรือกว่า 30 ลำเพื่อใช้ต่อต้านปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ในการรื้อถอนโพงพางในทะเลสาบสงขลา หลังทราบข่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (25 ก.ย.2558) ทางการจังหวัดสงขลา เตรียมเข้ารือถอนโพงพาง ไซนั่งและเครื่องมือประมงผิดกฎหมายตามคำสั่งของ คสช. หลังจากครบกำหนดให้ชาวประมงที่ทำการประมงผิดกฎหมายรื้อถอนด้วยตัวเองเมื่อต้นเดือนกันยายน 2558
แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) มีตัวแทนเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยระบุว่า รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือชาวประมงหลังการรื้อถอน โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนอาชีพ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยืนยันว่าจะไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนโพงพางโดยเด็ดขาด เพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากินมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า
"ปัจจุบันนี้เราไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากว่าให้เราทำมาหากินของเราได้ตามปกติ เราทำมาหากินตรงนี้ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ไม่ได้ไปทำให้ชาวบ้านที่ไหนเดือดร้อน" ฮาหรูน เอกพิทักษ์ ชาวประมงโพงพาง กล่าว
ส่วนที่กก.7 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.สงขลา วันนี้ (26 ก.ย.2558) ทาง จ.สงขลา ได้เลื่อนปฎิบัติการเข้ารื้อถอนโพงพางออกไปก่อน เนื่องจากกำลังของเจ้าหน้าที่และเรือไม่เพียงพอต่อการทำงาน และเกรงว่าจะกระทบกระทั่งกับกลุ่มชาวบ้าน เพราะมีรายงานด้านการข่าวว่า อาจจะมีบุคคลที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อปรับแผนก่อนที่จะมีการเข้ารื้อถอนโพงพาง โดยจะกำหนดวันและเวลาที่เหมาะสม ขณะที่บรรยากาศโดยทั่วไปที่ทะเลสาบสงขลา ชาวประมงบางส่วนยังออกทำประมงโพงพางและไซนั่ง โดยเฉพาะสะพานติณสูลานนท์ ที่มีโพงพางและเครื่องมือประมงผิดกฎหมายจำนวนมาก
ทั้งนี้ จ.สงขลา มีการประชุมก่อนหน้านี้ที่จะระดมเรือ 39 ลำเข้าทำการรื้อถอนและเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 500 นายเข้าคุ้มกัน โดยแบ่งพื้นที่ดำเนินการรวม 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 ปากทะเลสาบสงขลาถึงท่าเทียบเรือประมงใหม่ ระยะที่ 2 ท่าเทียบเรือประมงใหม่ถึงสะพานติณสูลานนท์ และระยะที่ 3 สะพานติณสูลานนท์ถึงบ้านท่าหยี ต.ห้วยลึก อ.ควนเนียง ซึ่งแผนการรื้อถอนโพงพางใน จ.สงขลา เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ทำการรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมายใน จ.สตูล และ จ.ตรัง
ติดตามข่าวสารอย่างรวดเร็วผ่านไทยพีบีเอสออนไลน์
https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl