มูลนิธิฯเพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องออก ก.ม. ห้ามธุรกิจบุหรี่ทำกิจกรรมซีเอสอาร์
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องให้เร่งออกกฏหมายห้ามธุรกิจบุหรี่ทำกิจกรรมเพื่อสังคม ตามอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก หลังพบคนไทยมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มสูงขึ้นถึงปีละ 500,000 คน และเสียชีวิตปีละเกือบ 50,000 คน
นางสาวบังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยในงานแถลงข่าววันงดสูบบุหรี่โลก "รู้ให้ทันพ่อค้าบุหรี่" 31 พฤษภาคม ว่า ขณะนี้ธุรกิจยาสูบในภูมิภาคอาเซียน มักอาศัยการทำกิจกรรมภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ ซีเอสอาร์ ในหลากหลายรูปแบบ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้กำหนดนโยบายในประเทศต่างๆในภูมิภาค เพื่อยับยั้งมาตรการควบคุมยาสูบ รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ทำให้สังคมเข้าใจว่าบุหรี่เป็นสินค้าธรรมดา และลดทอนกระแสการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ จนไม่สามารถทำตามพันธกิจภายใต้อนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ห้ามไม่ให้ธุรกิจทำกิจกรรมซีเอสอาร์ ซึ่งถือว่าเป็นการโฆษณาทางอ้อมได้
ปัจจุบัน มีคนที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ทั่วโลก ปีละ 6 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองถึง 600,000 คน เช่นเดียวกับสถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยที่ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีอัตราการสูบสูงขึ้น จากเมื่อ 2 ปีก่อน ที่มีเพียง 12.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านคนในขณะนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ15-24 ปี ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ มีสูงถึงปีละ 48,244 คน
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องให้ กระทรวงการคลัง เร่งออกกฎหมายห้ามธุรกิจบุหรี่ทำกิจกรรม ซีเอสอาร์ ขณะที่องค์กรต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ก็ควรปฎิเสธรับการสนับสนุนจากธุรกิจบุหรี่ เช่นเดียวกับสื่อมวลชน ที่ไม่ควรยุติการเผยแพร่กิจกรรมของบริษัทบุหรี่ ควบคู่ไปกับการร่วมกันสร้างความตระหนักให้เยาวชนและสังคมรู้เท่าทันกลอุบายของธุรกิจบุหรี่