วันนี้ (15 มิ.ย.2568) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เผยแพร่แถลงการณ์เรื่องสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ระบุว่า ประเทศไทยมีความห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงและความขัดแย้งขยายตัวในวงกว้าง อันจะส่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศไทยขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และมุ่งจัดการสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และข้อมติสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ไว้แล้วหากเกิดกรณีจำเป็น โดยกระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มการดำเนินการของศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) แล้ว เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือคนไทยในกรณีจำเป็น
ทั้งนี้ ขอให้คนไทยตื่นตัวและติดตามการประกาศการแจ้งเตือนต่าง ๆ และแนวปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูตไทยในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าวหากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ในกรณีฉุกเฉินสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่าง ๆ ทุกแห่ง หรือลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Thai Consular เพื่อรับข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและทันการ

กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นเหนือโรงกลั่นน้ำมันทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน หลังถูกอิสราเอลโจมตีด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2025 ขณะที่อิหร่านยิงขีปนาวุธชุดใหม่ตอบโต้อิสราเอล
กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นเหนือโรงกลั่นน้ำมันทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน หลังถูกอิสราเอลโจมตีด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2025 ขณะที่อิหร่านยิงขีปนาวุธชุดใหม่ตอบโต้อิสราเอล
ชะลอส่ง "แรงงานไทย" ชุดใหม่ไปอิสราเอล
ขณะที่กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการ 3 ด้านสำคัญคือ ติดตามความปลอดภัยของแรงงานไทยในอิสราเอลทุกพื้นที่, ประสานงานกับนายจ้างและบริษัทจัดหางาน เตรียมพื้นที่ปลอดภัยและแผนอพยพแรงงานในกรณีฉุกเฉิน และขอให้แรงงานทุกคนเร่งแจ้งตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันมายังสำนักงานแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ หรือแจ้งผ่านญาติให้ติดต่อกลับมายังกรมการจัดหางานในประเทศไทย เพื่อให้อัปเดตข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ ประสานงานกับนายจ้างทุกรายในอิสราเอล เพื่อจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยรองรับแรงงาน พร้อมทั้งขอให้แรงงานไทยทุกคนพกเอกสารสำคัญติดตัวไว้ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือการรวมกลุ่มในที่สาธารณะ และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันได้ประสานบริษัทจัดหางานในไทยให้ชะลอการจัดส่งแรงงานชุดใหม่ไปยังอิสราเอลในช่วงนี้ ตามคำแนะนำของกระทรวงการต่างประเทศ และจากการปิดน่านฟ้าของอิสราเอล
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ณ กรุงอาบูดาบี ซึ่งมีเขตอาณาดูแลแรงงานในอิหร่าน ได้รับคำสั่งให้ติดตามความปลอดภัยของแรงงานไทยในพื้นที่อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล ประมาณ 40,000 คน หากแรงงานต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ ดังนี้
- สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน โทร (+98) 9121598699
- สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ โทร +972 546368150, โทร +972 503673195
- กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานไทย โทร 1506 กด2
อ่านข่าว
นายกฯ สั่งตั้งศูนย์ประสานงานช่วย "คนไทย" ในอิสราเอล-อิหร่าน
อิหร่านยิงขีปนาวุธโต้กลับอิสราเอล ถล่มเทลอาวีฟ-เยรูซาเลม
แรงงานไทยในอิสราเอลอพยพเข้าหลุมหลบภัย หลังอิหร่านโจมตีหนัก