สตง.ยอมรับไม่สามารถตรวจสอบที่มาเงินบริจาคสมาคมผู้ปกครองฯได้
ใบเสร็จรับเงินที่ออกโดยสมาคมผู้ปกครอง และครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง เมื่อปีการศึกษา 2549 ที่ให้ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.2 จ่ายเงินเข้าสมทบสมาคมฯ เป็นเงิน 1,500 บาท เป็นหลักฐานที่นาวาเอกบัญชา รัตนาภรณ์ อดีตกรรมการสมาคมฯ และถอนตัวออกมาภายหลัง เนื่องจากสืบทราบว่าสมาคมฯที่จัดตั้ง และจดทะเบียนไม่ถูกต้อง และยังพบพฤติกรรมของบัญชีธนาคารที่น่าสงสัย อาทิ การใช้ชื่อของผู้อำนวยการโรงเรียน ร่วมกับอาจารย์อีก 2 คน เป็นผู้เปิดบัญชี จึงเชื่อได้ว่าเงินที่ถูกเรียกเก็บโดยสมาคมฯ ที่อ้างว่าเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน อาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากสมาคมอยู่ในรูปของนิติบุคคลไม่ต้องถูกตรวจสอบ
นาวาเอกบัญชา กล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมผู้ปกครองและครู มีผลอย่างมากในการพิจารณารับนักเรียน เพราะเป็นการช่วยเหลือ ต่างตอบแทนระหว่างกัน โดยโรงเรียนก็อาศัยสมาคมฯ ระดมเงินที่ไม่ต้องถูกตรวจสอบ สมาคมฯ จึงมีบทบาทสำคัญ ทั้งนี้ หากสมาคมครู และผู้ปกครองแห่งใดมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ จึงเรียกร้องให้มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงาน และการบริหารงบประมาณของสมาคมฯ
พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า สมาคมฯ จะใช้รูปแบบการตัดสินใจแบบเอกชนในการใช้เงิน โดยมีการผ่องถ่าย โยกย้ายเงินที่ยากต่อการตรวจสอบ ทำให้เงินที่ถูกระดมผ่านสมาคมฯ ไม่สามารถรู้ได้ว่านำไปใช้เพื่อการพัฒนาโรงเรียนตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้จริงหรือไม่ ดังนั้น หากผู้ปกครองต้องการบริจาคเงินควรให้อยู่ในรูปแบบของราชการผ่านทางโรงเรียนโดยตรง
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานเส้นทางการเงินของผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 20แห่ง พร้อมกับประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ให้ร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า จะได้ข้อสรุปว่าข้อร้องเรียนมีมูล เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายฟอกเงินที่อาจนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้หรือไม่
แท็กที่เกี่ยวข้อง: