รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้
การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับในวันนี้ มีความชัดเจนจากวิปรัฐบาลแล้วว่าจะไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร. ขณะที่พรรคฝ่ายค้านยืนยันหากไม่รับร่างคปพร.จะวอล์คเอาท์ออกทันที
วันนี้ (23พ.ย.)และวันพรุ่งนี้(24 พ.ย.) จะเป็นวันที่ที่ประชุมรัฐสภาจะอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ เพื่อลงมติรับหรือไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายฉบับ ซึ่งจะเป็นการลงคะแนนแบบขานชื่อ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน สำหรับร่างที่จะผ่านวาระแรก คือ รับหรือไม่รับญัติ จะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. และ ส.ว. ทั้งหมดรวมกัน หรือประมาณ 310 เสียง ไม่นับตำแหน่ง ส.ส.ที่ยังอยู่ระหว่างการเลือกตั้งซ่อมอีก 5 เสียง
สำหรับทิศทางการลงมติที่เห็นเค้าลางได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นพิจารณา เพราะมีการออกมาแสดงจุดยืนกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ พรรคประชาธิปัตย์ที่มีมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่คณะรัฐมนตรีเสนอ 2 ฉบับ งดออกเสียงในร่างฉบับที่ ส.ส. 102 คน จาก 5 พรรคร่วมรัฐบาลเสนอ โดยอ้างว่าพรรคไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้นเพราะไม่ได้ลงมติสนับสนุน ส่วนร่างฉบับ คปพร. พรรคมีมติไม่รับร่างฉบับนี้ แม้จะมีมติของพรรคที่ชัดเจนแล้ว และมีคำยืนยันมาหลายครั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะลงมติไปในทิศทางเดียวกัน แบบไม่มีฟรีโหวต แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า 172 เสียงของพรรค อาจไม่ได้มีมติเหมือนกันทั้งหมด แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่ คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล แสดงความชัดเจนไปในทิศทางเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะไม่รับร่างแก้ไขที่ คปพร.เสนอ และมีแนวโน้มว่าจะรับ 2 ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ออกมาแสดงความชัดเจนว่า หากร่างแก้ไขฉบับ คปพร.ไม่ผ่านการการพิจารณา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็จะออกจากห้องประชุมทันที และไม่ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการในร่างแก้ไขฉบับอื่นๆ
สำหรับขั้นตอนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากเข้าสู่การพิจารณาร่วมของ 2 สภา ในวันนี้ (23พ.ย.) และมีการลงมติในวันที่ 25 พฤศจิกายน หากมีการผ่านร่างต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาแปรญัตติ โดยคณะกรรมาธิการชุดนี้จะมีจำนวน 45 คน เป็น ส.ว. 10 คน และเป็น ส.ส.อีก 35 คน โดยแบ่งตามสัดส่วนของที่นั่งในสภา เช่น พรรคเพื่อไทยมีโควต้า 13 คน พรรคประชาธิปัตย์มีโควต้า 12 คน หลังจากนั้นคณะกรรมาธิการจะทำหน้าที่ แก้ไขเพิ่มเติม และมีการลงมติ โดยจะยึดเอาเสียงข้างมากในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อผ่านวาระที่ 2 จะเข้าสู่วาระที่ 3 คือ การออกเสียงชี้ขาด ซึ่งจะใช้เสียงของ ส.ส. และ ส.ว. เกินกึ่งหนึ่ง หากผ่านวาระนี้ต้องส่งร่างให้นายกรัฐมนตรีภายใน 20 วัน เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฯต่อไป ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า กว่าจะผ่านทั้ง 3 วาระ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน