รถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนรุ่นต้นแบบ สร้างสถิติใหม่ระดับโลกด้วยการเดินทางระยะทางกว่า 2,897 กิโลเมตร ในการเติมไฮโดรเจนเพียงครั้งเดียว
ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างองค์กรพลังงานสะอาดในประเทศสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรด้านเทคโนโลยีการขนส่ง เพื่อแสดงศักยภาพของพลังงานไฮโดรเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความยั่งยืนให้กับภาคการขนส่งด้วยรถบรรทุกหนัก
ผลการทดลองดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ผ่านกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Energy) และสถาบันวิจัยด้านพลังงานหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา
รถบรรทุกไฮโดรเจน “H2Rescue” ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และองค์กรพลังงานสะอาด โดยตัวรถถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงในการขนส่งสินค้าหรือช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน การทดสอบครั้งนี้แสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในด้านการใช้พลังงานสะอาดในยานพาหนะขนาดใหญ่
เทคโนโลยีที่ใช้ในรถบรรทุกนี้มี “เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน” ซึ่งสามารถเปลี่ยนไฮโดรเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนรถยนต์โดยไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา การเดินทางระยะไกลกว่า 2,897 กิโลเมตรในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพของระบบพลังงานไฮโดรเจนได้อย่างเต็มรูปแบบ
ทีมวิจัยระบุว่า การใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงหลักในรถบรรทุกขนาดใหญ่มีข้อดีหลายอย่าง นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วยังช่วยเพิ่มความสามารถในการขนส่งในระยะไกลและลดเวลาหยุดพักเติมเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ กระบวนการเติมไฮโดรเจนในรถบรรทุกนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งช่วยลดเวลาได้เป็นอย่างมาก
การทดลองครั้งนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การขนส่งสิ่งของจำเป็นในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งรถบรรทุกไฮโดรเจนมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความสามารถในการเคลื่อนที่ได้ในระยะไกลโดยไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า การทดสอบดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมองว่าพลังงานไฮโดรเจนเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต
ความสำเร็จของรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลังงานไฮโดรเจนในภาคการขนส่งหนัก นอกจากจะช่วยลดมลพิษทางอากาศแล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งในระยะไกลและการใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน การลงทุนในเทคโนโลยีนี้จะช่วยผลักดันความยั่งยืนและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต ทั้งนี้ การทดลองดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายการใช้พลังงานไฮโดรเจนในหลากหลายภาคส่วนทั่วโลก
เรียบเรียงโดย ขนิษฐา จันทร์ทร
ที่มาข้อมูล: newatlas, energy, upi
ที่มาภาพ: dhs
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech