จากเหตุการณ์การปะทุของมวลสารดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection – CME) แล้วเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm) ระดับ G3 กระทบประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Thai PBS Sci & Tech ขอนำ 9 เรื่องน่ารู้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จาก ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ จิสด้า (GISTDA) มาอธิบายให้ได้เข้าใจกัน
1. การปะทุของมวลสารดวงอาทิตย์ (CME) แล้วการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับ G3 กระทบไทย
เกิดจากการปล่อยมวลมวลโคโรนาขนาดใหญ่สารจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection – CME) ออกมาจากบริเวณจุดมืด AR4100 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ชนกับ สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรบกวน ทำให้เกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆ กับประเทศไทย และได้ลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่สภาวะปกติช่วงเช้าของวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ตามกราฟ GISTDA ติดตามผลกระทบพายุสนามแม่เหล็กโลกของประเทศไทย ด้วยข้อมูลเซนเซอร์ของ GISTDA เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 พบค่าพายุสนามแม่เหล็กโลกอยู่ที่ระดับ G2 ถึง G3 (ค่าสูงสุด NOAA scale = G5) โดยมีค่า Local k index = 7 ช่วงเวลาประมาณ 19:00 - 22:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่งผลต่อผลกระทบยังอยู่ในระดับน้อย และยังไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน
2. พายุสนามแม่เหล็กโลก มีสาเหตุจากอะไรบ้าง
พายุสนามแม่เหล็กโลก คือการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากลมสุริยะ หรือมวลสารจากดวงอาทิตย์ที่ปะทะกับสนามแม่เหล็กของโลก พลังงานและประจุไฟฟ้าที่พัดเข้ามาจะรบกวนชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดการปั่นป่วนที่ส่งผลต่อเทคโนโลยีทั้งบนพื้นโลกและในอวกาศ
3. เหตุผลที่พายุสนามแม่เหล็กโลกทำให้สัญญาณ GPS คลื่นวิทยุ HF และดาวเทียมรวนชั่วคราว
เหตุผลที่ทำให้สัญญาณรวนชั่วคราวเนื่องจาก "พายุแม่เหล็กโลก" ทำให้ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน คลื่นวิทยุ โดยเฉพาะย่าน HF (3-30MHz) และสัญญาณจากดาวเทียม เช่น GPS ที่ต้องผ่านชั้นบรรยากาศนี้ จึงเกิดการหักเห หรือสะท้อนผิดตำแหน่ง ทำให้สัญญาณผิดพลาดหรือขาดหายชั่วคราวนั่นเอง
4. อธิบายการเกิดพายุสนามแม่เหล็กโลกล่าสุด และการลดระดับสู่สภาวะปกติ
พายุสนามแม่เหล็กโลกครั้งนี้เกิดจาก CME ที่พ่นออกมาจากจุดมืด AR4100 บนดวงอาทิตย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม CME ดังกล่าวเคลื่อนที่มาถึงโลกในวันที่ 1 มิถุนายน ส่งผลให้ค่าดัชนีแม่เหล็กโลกของบริเวณประเทศไทยพุ่งขึ้นถึงระดับ G3 แต่หลังจากนั้น พายุสนามแม่เหล็กโลกเริ่มลดลง และระบบสื่อสารต่าง ๆ ก็กลับมาเป็นปกติในช่วงเย็นวันที่ 2 มิถุนายน และคาดว่าภายในวันที่ 3 มิ.ย. สภาพจะเข้าสู่ภาวะปกติ
5. พายุสนามแม่เหล็กและดัชนี Local K index คืออะไร ? ถ้าระดับ G4 จะส่งผลอย่างไร
ดัชนี K-index เป็นค่าที่วัดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกในช่วงเวลาสั้น ๆ โดย Local K Index คือค่าที่วัดจากสถานีในแต่ละประเทศ ซึ่งการแจ้งเตือนเหตุการณ์นี้เป็นข้อมูลในประเทศไทย ที่ GISTDA มีการติดตั้งเซนเซอร์เพื่อตรวจวัตค่าสนามแม่เหล็กโลก ส่วนระดับ G1-G5 เป็นระดับแจ้งเตือนของ NOAA โดย G4 จัดว่ารุนแรงมาก ซึ่งอาจทำให้ดาวเทียมเสียหายหรือประสิทธิภาพลดลง, ค่า GPS มีคลาดเคลื่อนสูง, เกิดความผิดปกติในระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง และการใช้คลื่นวิทยุในช่วง HF ขัดข้อง และสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ในพื้นที่ที่ต่ำกว่าปกติ
6. ทำไม ? ต้องติดตามสภาพอวกาศ-พายุสนามแม่เหล็กโลก
เพราะเทคโนโลยีที่เราใช้อยู่ทุกวัน เช่น ระบบนำร่อง (GPS) ระบบสื่อสารในย่าน high frequency (3-30MHz) และระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง ล้วนได้รับผลกระทบจากพายุสนามแม่เหล็กโลก หากเราสามารถทราบล่วงหน้า เราจะสามารถป้องกันและบรรเทาความเสียหาที่จะเกิดขึ้นได้
7. จิสด้าติดตามในเรื่องนี้และอวกาศอย่างไรบ้าง
GISTDA พัฒนาระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ หรือ “JASPER” เพื่อให้สามารถพยากรณ์สภาพอวกาศล่วงหน้า รวมไปถึงมีข้อมูลจากเซนเซอร์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เหล่านี้ช่วยสนับสนุนระบบ JASPER ให้สามารถวิเคราะห์ผลที่จะกระทบประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ หากมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องสภาพอวกาศ GISTDA จะส่งผลวิเคราะห์ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เตรียมพร้อมและลดผลกระทบจากภัยอวกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมไปถึงการให้ความรู้ความเข้าใจ และลดความตื่นตระหนกให้กับพี่น้องประชาชน
8. เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "พายุสนามแม่เหล็กโลก" กับ "พายุสุริยะ"
"พายุสุริยะ" เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด "พายุสนามแม่เหล็กโลก" เมื่อพลังงานจากดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลกทำให้สนามแม่เหล็กโลกปั่นป่วน ก่อให้เกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุสนามแม่เหล็กโลก ดังนี้
1) ทำให้ระบบไฟฟ้าดับที่รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา เป็นเวลานาน 12 ชั่วโมง ในปี 2532
2) ในเดือนพฤษภาคม 2567 (2024) ที่ผ่านมา SpaceX หลังจากปล่อยจากดาวเทียม starlink ขึ้นวงโคจรต่ำเพียงไม่กี่วัน พายุสุริยะที่เกิดขึ้นทำให้ ชั้นบรรยากาศโลกชั้นบน (thermosphere) ขยายตัวและหนาแน่นผิดปกติ ส่งผลให้แรงต้าน (drag) จากชั้นบรรยากาศสูงกว่าที่คำนวณไว้ ดาวเทียมซึ่งยังไม่ทันได้ปรับวงโคจรขึ้นสูง ชะลอตัวและตกกลับลงมาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศตามที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พายุสุริยะจะอยู่ไกลจากโลกหลายล้านกิโลเมตร แต่ผลกระทบสามารถส่งผลจริงต่อเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเราได้
9. กรณีเกิด G3 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. แต่หลายคนเข้าใจผิดว่ารุนแรงสุดในวันที่ 3 มิ.ย. อธิบายเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
สำหรับในประเทศไทย GISTDA ใช้ระบบพยากรณ์สภาพอวกาศ หรือ JASPER กับข้อมูลเซนเซอร์ของ สทอภ. มาวิเคราะห์และแจ้งเตือนพายุสนามแม่เหล็กโลกมีค่าสูงขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 และมีค่าสูงสุดที่ G3 ในช่วงเวลา 19:00 - 22:00 น. จากการติดตามระดับพายุสนามแม่เหล็กโลก จนเข้าสู่สภาวะต่ำในช่วงเช้าวันที่ 2 มิ.ย. และคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติภายในวันที่ 3 มิ.ย. 68 กล่าวโดยสรุป คือ พายุมีระยะเวลาสั้น และรุนแรงช่วงต้น จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง เปรียบเหมือนพายุฝนที่ตกหนักช่วงบ่าย และซาลงในตอนค่ำ
อีกประเด็น “พายุสนามแม่เหล็กโลกจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว” ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าเปลวสุริยะสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวได้ การเกิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกใต้ดิน ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรณีวิทยา ไม่เกี่ยวกับพลังงานจากดวงอาทิตย์ แม้ว่าจะมีบางงานวิจัยที่ตั้งข้อสังเกต แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากนักวิทยาศาสตร์
สรุป : พายุสนามแม่เหล็กโลกในครั้งนี้ ไม่กระทบประเทศไทยมากนัก อาจจะมีเรื่องการสื่อสาร (HF) และความคลาดเคลื่อนของ GPS ในช่วงเวลาสั้นๆในวันที่ 1 มิ.ย. ทาง GISTDA จะมีการติดตามและวิเคราะห์ด้วยระบบ JASPER หากมีภัยหรือความเสี่ยงที่จะกระทบประเทศไทย GISTDA จะดำเนินการแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพี่น้องประชาชน โดยทันที
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech