นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์พเนจรที่ไม่โคจรรอบดาวฤกษ์ใด ๆ กำลังดูดกลืนก๊าซและฝุ่นจากรอบตัวด้วยอัตราเร็วสูงถึง 6 พันล้านตันต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกได้ทั้งในหมู่ดาวเคราะห์ทุกประเภท
ภาพจำของคนส่วนมากมักมองดาวเคราะห์เป็นเทหวัตถุที่เงียบสงบ ไม่น่าจะมีความวุ่นวาย แย่งชิงตักตวงสสารในอวกาศเหมือนกับหลุมดำหรือดาวฤกษ์ที่มักมีข่าวการค้นพบการกลืนกินมวลสารแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เอาเข้าจริงดาวเคราะห์เองก็มีพฤติกรรมนี้เช่นเดียวกันกับดาวฤกษ์ ดาวนิวตรอนและหลุมดำ อย่างเช่นดาวเคราะห์พเนจรที่มีชื่อว่า Cha 1107-7626
Cha 1107-7626 เป็นดาวเคราะห์พเนจรที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีประมาณ 5–10 เท่า และกำลังอยู่ในช่วงก่อตัวและถูกหล่อเลี้ยงด้วยจานก๊าซและฝุ่นที่ห่อหุ้มอยู่ อยู่ห่างจากโลกไปประมาณ 620 ปีแสงในกลุ่มดาวกิ้งก่า (Chamaeleon) ซึ่งการที่มันกำลังก่อตัวอยู่นั้นทำให้มีจานพอกพูนมวลขนาดใหญ่ล้อมรอบที่ค่อย ๆ ตกลงสู่เนื้อดาว
ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กล้องโทรทรรศน์ Very Large Telescope (VLT) ได้ค้นพบพฤติกรรมการตกของวัตถุในจานพอกพูนมวลมีความเร่งเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คาดว่าการตกของมวลสู่ดาวเคราะห์นั้นสูงถึง 6 พันล้านตันต่อวินาที ซึ่งจากการสังเกตการณ์ก่อนหน้าจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ การตกของมวลสารในดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้รวดเร็วในระดับนี้
การเปรียบเทียบข้อมูลสเปกตรัมที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์กับ VLT ได้พบว่าปรากฏการณ์ทางสนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นในดาวเคราะห์พเนจรดวงนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การตกของมวลสารสู่ดาวเคราะห์เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนถึงระดับ 6 พันล้านตันต่อวินาทีได้ ซึ่งตามปกติแล้วปรากฏการณ์ทางสนามแม่เหล็กที่เร่งการตกของจานพอกพูนมวลนั้นไม่เคยพบในดาวเคราะห์เลยแต่จะเจอในกลุ่มดาวฤกษ์ ดาวนิวตรอน หรือหลุมดำ
อีกทั้งในช่วงที่จานพอกพูนมวลตกลงไปสู่ตัวดาวเคราะห์พวกเขายังตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของชนิดสารภายในจานพอกพูนมวลอีกด้วย โดยก่อนหน้าไม่มีการพบไอน้ำในจานพอกพูนมวลเลย แต่หลังจากการตกเร่งขึ้นก็ตรวจจับไอน้ำในจานพอกพูนมวลได้ ซึ่งก็เป็นปรากฏการณ์ที่พบเจอในดาวฤกษ์แต่ไม่พบเจอในดาวเคราะห์อีกเช่นกัน
การค้นพบระดับการดูดกลืนมวลสารของดาวเคราะห์พเนจรยักษ์ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันทฤษฎีการเกิดขึ้นของดาวเคราะห์ว่า ดาวเคราะห์นั้นสามารถเกิดขึ้นจากกลุ่มก๊าซหรือมวลสารที่ยุบตัวและรวมกันเป็นดาวเคราะห์ได้เอง ไม่จำเป็นว่าการเกิดขึ้นของดาวเคราะห์ต้องพึ่งพาและก่อตัวจากเศษซากหลงเหลือรอบดาวฤกษ์โดยเสมอไป และในอีกนัยหนึ่งสิ่งนี้ก็เป็นหลักฐานที่บอกได้ว่าดาวเคราะห์พเนจรที่เราค้นพบท่ามกลางอวกาศพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากระบบดาวเคราะห์และถูกเหวี่ยงออกมาให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเสมอไป แต่ว่าอาจจะเกิดขึ้นเองท่ามกลางกลุ่มก๊าซและฝุ่นในอวกาศได้เอง ซึ่งดาวเคราะห์พเนจรดวงนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีในการสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์เมื่อได้รับมวลสารที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาก่อกำเนิด
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : ESO
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech