ภัตตาคารบ้านทุ่งมาอยู่กันที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อทำภารกิจพิเศษในการค้นหาเรื่องราวของ กล้วยงาช้าง กล้วยที่มีขนาดผลใหญ่โดดเด่นและแตกต่างจากกล้วยทั่วไปอย่างน่าอัศจรรย์ หากคุณกำลังมองหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกล้วยสายพันธุ์นี้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกล้วยงาช้างอย่างละเอียด ตั้งแต่ถิ่นกำเนิด ลักษณะเด่น วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงคุณประโยชน์และเมนูอาหารสุดพิเศษที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เตรียมพบกับความมหัศจรรย์ของกล้วยยักษ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ
กล้วยงาช้าง เป็นกล้วยที่มีลักษณะเด่นแตกต่างจากกล้วยทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ด้วยขนาดผลที่ใหญ่เป็นพิเศษ และรูปร่างที่โค้งงอคล้ายงาช้าง จึงเป็นที่มาของชื่ออันเป็นเอกลักษณ์นี้ นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น กล้วยโกรก หรือ กล้วยยักษ์ ซึ่งสะท้อนถึงขนาดอันใหญ่โตของมันได้อย่างชัดเจน
กล้วยงาช้างมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วไปในเขตร้อน เขตอบอุ่น และชื้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทยนั้น มีข้อมูลระบุว่าเป็นกล้วยพื้นเมืองทางภาคใต้ และมีหลักฐานปรากฏในจดหมายเหตุของลาลูแบร์ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยลาลูแบร์ได้กล่าวถึงกล้วยงาช้างไว้ว่า "กล้วยงาช้างผลยาวเป็นเหลี่ยม เปลือกสีเขียวขณะยังดิบอยู่ เนื้อค่อนข้างแข็ง" ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากล้วยชนิดนี้มีมานานแล้วในประเทศไทยและเป็นที่รู้จักตั้งแต่สมัยโบราณ
คุณลุงเจ้าของสวนผู้ริเริ่มนำกล้วยงาช้างมาปลูกที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นคนแรก ได้เปิดเผยถึงข้อเด่นที่ทำให้กล้วยงาช้างแตกต่างจากกล้วยชนิดอื่น ๆ ดังนี้:
ในแปลงสวนผสมผสานที่คุณลุงดูแลอยู่นั้น มีกล้วยงาช้างอยู่ประมาณ 300 กอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปลูกในเชิงพาณิชย์และผลตอบแทนที่น่าสนใจ
คุณลุงกล่าวว่าตั้งแต่เริ่มต้นปลูกกล้วยงาช้างไปประมาณ 9 เดือน ก็จะเริ่มออกปลี แต่ปลีของกล้วยงาช้างจะพิเศษและแตกต่างจากกล้วยทั่วไปคือจะไม่มีส่วนของหัวปลีที่มีเนื้อซึ่งสามารถนำไปทำอาหารได้เหมือนกล้วยชนิดอื่น ๆ จะเริ่มเห็นผลในระยะอ่อนที่มีเหลี่ยมชัดเจน หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาเติบโตอีก 3 เดือน รวมแล้วใช้ระยะเวลาประมาณ 12-13 เดือน กว่าจะสามารถตัดเก็บได้
เมื่อถึงระยะเวลาที่จะตัดเก็บผลกล้วยงาช้าง จะอยู่ในระยะดิบแก่ประมาณ 90% หลังจากตัดแล้วจะนำไปบ่มให้สุกอีกประมาณ 4 วัน จึงจะพร้อมรับประทาน
นอกจากขนาดที่ใหญ่และลักษณะที่โดดเด่นแล้ว กล้วยงาช้างยังมีคุณประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจอีกด้วย
สารสำคัญที่พบภายในผลกล้วยงาช้างคือ สารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient) ชนิดหนึ่งที่มักพบในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์อีกด้วย
ประโยชน์หลัก ๆ ของสารเบต้าแคโรทีนในกล้วยงาช้าง ได้แก่:
น้องปิ๊กเล่าว่าเวลาขายผลผลิตกล้วยงาช้าง น้องปิ๊กจะโพสต์ขายในราคา ผลละ 20 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกาที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ลูกค้าเหล่านี้บอกน้องปิ๊กว่าจะนำกล้วยงาช้างไปต้มผสมกับถั่วลิสง ซึ่งเป็นอาหารสไตล์แอฟริกัน ถือเป็นการนำกล้วยงาช้างไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่น่าสนใจและแตกต่างออกไป
นอกจากนี้ ผลกล้วยงาช้างยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นเมนูอาหารคาวและหวานได้หลากหลาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างสรรค์เมนูจากกล้วยชนิดนี้
ในการทดสอบรสชาติผลกล้วยงาช้าง สตางค์และทีมงานได้ชิมกล้วยในระยะสุกและที่ผ่านการปรุงแปรรูปเป็นเมนูต่าง ๆ ดังนี้
เมื่อผ่ากล้วยงาช้างที่สุกแล้วออกมา จะเห็นเนื้อด้านในมีสีเหลืองส้ม มีความหนึบกว่ากล้วยพันธุ์อื่น ๆ และมีรสเปรี้ยวจาง ๆ ปิดท้ายเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้เหมาะกับการนำไปผ่านความร้อนก่อนรับประทาน น้องพราว ซึ่งเป็นเด็กที่ร่วมทดสอบรสชาติ ชอบกล้วยงาช้างสุกมาก และกินหมดชิ้นอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอร่อยที่สามารถเข้าถึงได้ทุกวัย
กล้วยงาช้างที่นำไปปิ้ง จะมีอารมณ์ใกล้เคียงกับกล้วยหักมุก คือมีความเปรี้ยวหน่อย ๆ แต่เมื่อราดน้ำกะทิเข้าไป ความหวานมันของกะทิจะช่วยลดรสเปรี้ยวลงอย่างมาก ทำให้เนื้อกล้วยรัดตัวขึ้น ความหนึบน้อยลง แต่จะร่วนขึ้นคล้ายกับการกินมัน รสชาติเปรี้ยวแทบไม่หลงเหลือเลย เพราะถูกความหวานมันจากกะทิกลบไปหมด เมนูนี้ได้รับคำชมว่า "อร่อยมาก"
ในมื้อเที่ยง คุณป้าได้นำกล้วยงาช้างใส่ในแกงเขียวหวาน รสชาติคล้ายคลึงกับการกินมันฝรั่ง ไม่เหมือนรสชาติกล้วยเลย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำกล้วยงาช้างไปใช้ในอาหารคาว โดยที่รสชาติของกล้วยไม่โดดเด่นจนเกินไป และเข้ากันได้ดีกับเครื่องแกง
นี่คือเมนูอาหารคาวจานแรกที่เราจะมาปรุงกันในวันนี้ โดยได้รับเกียรติจากป้าไหน น้องปิ๊ก และป้าแต๋ว มาร่วมด้วยช่วยกันในการนำกล้วยงาช้างในระยะดิบแก่มาปรุงกับไก่บ้าน
ขั้นตอนการทำ:
รสชาติ: แกงป่าไก่บ้านใส่กล้วยงาช้าง ให้ความเผ็ดร้อนสะท้อนกลิ่นหอมจากสมุนไพรพริกแกง รสชาติอร่อย เนื้อไก่บ้านหวานฉ่ำ ชิ้นกล้วยงาช้างให้ความแน่นนุ่มคล้ายกับการกินหัวมัน ไม่มีรสชาติเปรี้ยว หอมกลิ่นกระชายและใบยี่หร่า เป็นแกงป่าที่สร้างความประทับใจและทำให้เหงื่อแตกกันเลยทีเดียว
เมนูขนมหวานจานที่สองนี้มีชื่อว่า กล้วยงาช้างหิมะ เป็นการนำกล้วยงาช้างมาแปรรูปเป็นขนมหวานที่น่ารับประทาน
ขั้นตอนการทำ:
รสชาติ: กล้วยงาช้างหิมะมีรสชาติหวานเค็ม หอมกลิ่นต้นหอม ให้รสเค็มพอปะแล่ม ๆ แต่โดดเด่นด้วยความหวานที่ประสานกลายเป็นผลึกเกาะติดผลกล้วย เนื้อกล้วยให้รสมันหนึบนุ่ม เป็นเมนูที่น้องพราวบอกว่าชอบที่สุดในวันนี้เลยทีเดียว
กล้วยงาช้าง ไม่เพียงแต่เป็นกล้วยที่มีขนาดใหญ่และรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกล้วยที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ คุณประโยชน์ทางโภชนาการ และความหลากหลายในการนำไปแปรรูปเป็นเมนูอาหารทั้งคาวและหวานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตั้งแต่ความแข็งแรงของลำต้นที่ไม่ต้องค้ำยัน เปลือกที่หนา และการให้ผลผลิตที่ไม่ต้องห่อ ไปจนถึงสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสุขภาพและป้องกันโรค ทำให้กล้วยงาช้างเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพและเป็นวัตถุดิบที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคและนักสร้างสรรค์เมนูอาหาร
การเดินทางของเราที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ในวันนี้ ได้เปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับกล้วยงาช้างได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นแกงป่าไก่บ้านใส่กล้วยงาช้างที่เผ็ดร้อนจัดจ้าน หรือกล้วยงาช้างหิมะที่เป็นขนมหวานอันโอชะ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของกล้วยชนิดนี้ได้อย่างแท้จริง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณผู้ชมได้ลองค้นหาและลิ้มรสความพิเศษของกล้วยงาช้างกันนะครับ
สัปดาห์หน้า ภัตตาคารบ้านทุ่งจะมุ่งหน้าไปค้นหาวัตถุดิบพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่นที่ไหนเพื่อมาเสิร์ฟส่งคุณผู้ชม โปรดติดตามนะครับ วันนี้สตางค์ ทีมงาน และพี่ป้าน้าอาที่นี่ ขอลาคุณผู้ชมไปก่อน สวัสดีครับ
ลัดเลาะเข้าสวนชวนไปรู้จักกล้วยโบราณขนาดยักษ์ อย่าง "กล้วยงาช้าง" ที่ ต.ยางน้ำกลัดเหนือ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี พร้อมเข้าครัวปรุงเมนูสูตรเด็ด "แกงไก่บ้านใส่กล้วยงาช้าง" และเมนู "กล้วยงาช้างหิมะ"
"กล้วยงาช้าง" เป็นกล้วยไทยโบราณ พบหลักฐานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นกล้วยที่มีผลขนาดใหญ่ ลักษณะผลคล้ายงาของช้าง เครือหนึ่งมี 2-3 หวี โดย 1 ผล มีน้ำหนักได้ถึง 1 กิโลกรัม และยังมีลักษณะพิเศษ คือ เมื่อดอกตัวเมียเป็นผลจะไม่มีปลีเหลืออยู่ ส่วนบริเวณโคนต้น มักมีหน่อจำนวนมาก โดยทั่วไปนิยมนำผลกล้วยงาช้างระยะดิบแก่ มาปรุงเมนูอาหารผ่านความร้อน จะมีความมัน คล้ายมันฝรั่ง เนื่องจากเป็นกล้วยที่มีแป้งเยอะ และมีความเหนียวหนึบ จึงนำแปรรูปโดยการทอดทำกล้วยฉาบ หรือใส่เมนูอาหารประเภทแกงคั่ว แกงป่า
ติดตามชมได้ในรายการ ภัตตาคารบ้านทุ่ง ตอน กล้วยงาช้าง วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
ภัตตาคารบ้านทุ่ง
มื้อสุดฟิน กินบนดอย
หอมชู
มะเขือเทศต้น
"ต้มยำกุ้ง" มรดกไทย มรดกโลก
มะนาวเพชรบุรี
หอยท้ายเภา
บอนกลัก
หยองดักปูดำ
หอยไม้ไผ่
ชมพู่มะเหมี่ยว
มะตูมไข่
ตำนานดิน
ชำมะเลียง
ข้าวโพดเทียนบ้านเกาะ
ตอนพิเศษ รสชาติที่หายไป ปีที่ 2
ลำพู
ผักโขมบ้าน
มะพร้าวไฟ
กล้วยงาช้าง
มะม่วงอกร่องเสม็ดงาม
ลูกตำลึง
ปลากะเตา
ภัตตาคารบ้านทุ่ง
มื้อสุดฟิน กินบนดอย
หอมชู
มะเขือเทศต้น
"ต้มยำกุ้ง" มรดกไทย มรดกโลก
มะนาวเพชรบุรี
หอยท้ายเภา
บอนกลัก
หยองดักปูดำ
หอยไม้ไผ่
ชมพู่มะเหมี่ยว
มะตูมไข่
ตำนานดิน
ชำมะเลียง
ข้าวโพดเทียนบ้านเกาะ
ตอนพิเศษ รสชาติที่หายไป ปีที่ 2
ลำพู
ผักโขมบ้าน
มะพร้าวไฟ
กล้วยงาช้าง
มะม่วงอกร่องเสม็ดงาม
ลูกตำลึง
ปลากะเตา